Print

ดังตฤณวิสัชนา ฉบับเปิดกรุ - ฉบับที่ ๒๓๗

dungtrin_cover

 dungtrin_gru2a

ทำไมเมื่อนั่งสมาธิมาระยะหนึ่งแล้ว จึงพบว่าปฏิกิริยาทางใจต่อผัสสะต่างๆ เปลี่ยนไป

 

ถาม - ผมนั่งสมาธิมาระยะหนึ่งแล้ว
พบว่าเมื่อไปดูหนังตลก กลับไม่รู้สึกตลกเลย
แบบนี้เป็นเพราะอะไร และควรทำอย่างไรจึงจะดีครับ

ตอบ - ก็ไม่แน่นะ หนังมันอาจจะไม่ตลกก็ได้
แล้วไม่ใช่ว่านั่งสมาธิเนี่ย มันจะทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนแปลงเสมอไปนะ
คือบางทีเนี่ยถ้าอารมณ์ของเรามันกำลังนิ่งอยู่ ก็เลยไม่รับสัมผัสเต็มที่
เพราะว่าพวกที่นั่งสมาธิ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงใหม่ๆ เนี่ย
ที่สมาธิยังไม่ได้อิ่มตัว ยังไม่ได้ตกผลึกเต็มที่เนี่ยนะ
บางทีมันมีความรู้สึกเป็นอุเบกขาติดออกมาเยอะ
มันมีความรู้สึกเหมือนกับใจเนี่ยมันอยู่ออกห่างมาจากโลก
มันเหมือนกับสัมผัสอะไรที่มาจากโลกเนี่ย เข้าไม่ค่อยถึงจิตถึงใจ
พูดง่ายๆ ว่าความสนุกที่เคยถึงใจเนี่ย มันไม่ถึงเสียแล้ว
มันมาได้แค่ครึ่งทางแล้วก็ถูกดีดออก ราวกับว่ามีอะไรไปกั้นไว้
หรือว่ามีแรงสะท้อนกลับที่ทำให้รู้สึกว่าจิตใจเนี่ยมันเย็นชา

แต่พอทำสมาธิไปถึงจุดหนึ่งนะที่การรับรู้เนี่ยมันเป็นไปตามปกติ
ความรู้สึกเป็นอุเบกขา มันยังอาจจะอยู่ตรงแก่นกลางของใจอยู่นะ
แต่ว่าการปรุงแต่ง การรับรู้ที่เกิดขึ้นทางหูทางตาเนี่ย
มันเป็นเหมือนปกติ เหมือนคนทั่วไป
ยังหัวเราะได้ ยังรู้สึกว่าโดนอะไรบางอย่างเนี่ย คำพูดบางคำ
หรือว่าท่าทีตลกๆ อะไร ของบางคนเนี่ย
มากระตุ้นต่อมฮาได้ มาทำให้เราหัวเราะก๊ากๆ ได้
แต่ใจเนี่ยนะมันพร้อมที่จะหยุด
คือไม่ใช่หยุดแบบชะงักเป็นเบรก เบรกเอี๊ยดแบบนั้นนะ
แต่มันเหมือนกับว่าข้างในของเราเนี่ย
มีความนิ่งความว่าง มีความเป็นอุเบกขา เป็นกลางอยู่เรื่อยๆ
แล้วก็ความนิ่งความว่างตรงนั้นเนี่ยไม่ได้ถูกทำให้สะเทือนไปมาก

ถ้าหากว่านั่งสมาธิเดี๋ยวก็รู้เองนะ
คือถ้าใจของเราเนี่ยมีความนิ่งได้อยู่เสมอๆ อยู่เรื่อยๆ เนี่ย
ใจมันจะไม่ไปเกาะกับความเป็นอุเบกขานั้น
คือความเป็นอุเบกขานั้นจะเป็นหลักตั้งของการรับรู้
เป็นหลักตั้งของสติ เป็นฐานของสติ
แต่ไม่ใช่อะไรทั้งหมดที่จิตเข้าไปเกาะ
จิตจะออกมารับรู้เรื่องราวทางหูทางตาตามปกติทุกอย่าง เหมือนคนในโลกเขาทุกอย่าง
เพียงแต่ว่าสิ่งที่มากระทบแล้วก่อให้เกิดการปรุงแต่งจิตเนี่ย มันจะเกิดขึ้นเป็นคราวๆ
เนื่องจากว่าถ้าเรามีมุมมองที่ถูกต้องไว้ด้วย
ว่าปฏิกิริยาทางใจต้องเกิดขึ้นเป็นธรรมดา

เมื่อหูกระทบเสียง โดนเสียงเข้ากระทบ หรือว่าตาเนี่ยโดนรูปเข้ากระทบเนี่ย
ต้องมีปฏิกิริยาอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นธรรมดานะเกิดขึ้น เป็นชอบบ้างเป็นชังบ้าง

ถ้าเราไม่สังเกตเนี่ย
ใจก็อาจจะไปเกาะอยู่กับอารมณ์สมาธิ อารมณ์ที่มันเป็นอุเบกขา
แต่ถ้าหากสังเกตแล้ว แล้วก็มีการเสพผัสสะจังๆ เนี่ย
เราก็จะรับรู้เหมือนคนในโลกทุกอย่างเลย
มันมากระตุ้นให้เกิดสัญญา จำได้ว่าลักษณะแบบนี้มันผิดปกติ น่าขำ
แล้วก็จะเกิดอาการขำขัน เกิดอาการหัวเราะ ไม่แตกต่างจากชาวบ้านเขา
เพียงแต่ว่าลักษณะของการขำขันนั้นน่ะ มันจะไม่มั่ว มันจะไม่ทำให้จิตใจยุ่งเหยิง
หรือว่าเกิดความฟุ้งซ่าน เกิดความคิดทะลึ่งลามก อะไรต่อมิอะไรต่างๆ
ตามที่ถูกยั่วยวน ที่ถูกยั่วยุจากภาพและเสียงนะครับ