Print

ดังตฤณวิสัชนา ฉบับเปิดกรุ - ฉบับที่ ๒๓๐

dungtrin_cover

 dungtrin_gru2a

เพื่อนสนิทแอบคบกับคนที่มีเจ้าของ ควรให้คำแนะนำอย่างไรดี

 

ถาม – เพื่อนของดิฉันถูกผู้ชายที่มาจีบหลอกว่ายังโสด
เมื่อทั้งคู่ก็ได้คบหากันแล้วเธอก็จับได้ว่าเขามีแฟนอยู่ก่อน
แต่ทั้งคู่ยังคงแอบคบกันต่อไป
หลายครั้งที่เพื่อนมาขอคำปรึกษา ดิฉันก็รู้สึกอึดอัดเพราะคิดว่าเธอทำผิดอยู่
แต่บางครั้งก็เอนเอียงไปว่าเพื่อนเราไม่ผิดหรอก
เพราะไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใคร
แบบนี้ดิฉันควรจะแนะนำเธออย่างไรดีคะ

 ตอบ – ก็ขึ้นอยู่กับว่าผู้ชายมีแฟนแบบไหน
เพราะว่าสมัยนี้ คือยุคเราเนี่ยนะจะมีความซับซ้อนเกี่ยวกับเรื่องความสัมพันธ์
เกี่ยวกับเรื่องศีลข้อสามนี้ค่อนข้างจะมากทีเดียว
เพราะว่าใช้คำว่าแฟน มันคลุมเครือมากๆ นะ
บางทีเนี่ยเราบอกว่าเพิ่งคบกัน แต่จริงๆ มีอะไรกันไปแล้ว
หรือบอกเป็นแฟนกัน แต่จริงๆ เนี่ยอยู่กันมาห้าปีสิบปีแล้วอย่างเปิดเผย
ทุกคนรับรู้แล้วว่าเนี่ยอยู่ด้วยกันมา ใช้คำว่าเป็นแฟน ไม่ใช่สามีไม่ใช่ภรรยา
โดยแท้แล้วพฤติกรรมเนี่ยเป็นสามีภรรยากันเรียบร้อย
ถ้าเป็นสมัยก่อนเนี่ยไม่มีใครเขาใช้คำว่าแฟนกัน
เขาใช้คำว่าผัวคำว่าเมียกันไปชัดๆ เลย

แล้วอย่างในยุคเก่ายุคก่อนเนี่ยนะ คือไม่มีการคบลองใจกันนานๆ นะ
คือถ้าหากว่าชอบพอกันก็สู่ขอกันเลย
แล้วบางยุคเนี่ยไม่มีสิทธิ์กระทั่งจะขอกันเองหรือว่าคบหาชอบพอกันเอง
แต่ว่าจะต้องมีพ่อแม่จับคลุมถุงชนอะไรแบบนั้น มันมีความชัดเจน
คือแน่นอนว่ามันไม่ดีตรงที่ไม่สามารถจะเปลี่ยนใจได้หลังจากอยู่ด้วยกันแล้ว
แต่มันก็มีข้อดีตรงที่ว่ามันชัดเจนว่าใครมีสิทธิ์ ใครไม่มีสิทธิ์

แต่ยุคของเราเนี่ยที่เป็นอิสระ มีความอิสระเป็นตัวของตัวเองมากๆ เนี่ย
มันกลายเป็นสร้างปัญหา มันกลายเป็นเหมือนกับไปสร้างเงื่อนไขขึ้นมา
เพียงด้วยการใช้คำว่าแฟนหรือว่าคนคบหาลองใจอยู่
แต่โดยพฤตินัยแล้วเนี่ยมันก็คือผัวเมียกันเรียบร้อยแล้วนั่นเอง

ถ้าหากว่าเราคำนึงถึงความชัดเจนนะครับ
ถามให้ชัดๆ ว่าเขามีอะไร เขามีความเป็นอยู่เปิดเผยกับแฟน
ที่เขาเรียกว่าแฟนนั่นน่ะหรือเปล่า
ถ้าหากว่าพูดง่ายๆ ว่าเป็นสามีภรรยากันโดยพฤตินัยแล้ว
แล้วก็อยู่กันแบบเปิดเผย
เพื่อนเขาทั้งสองฝ่าย ทั้งฝ่ายเขาฝ่ายแฟนเนี่ย
สามารถรับรู้ได้ว่าอยู่กินมาด้วยกัน
หรือว่ามีความเปิดเผยว่าเป็นคนที่มีความลึกซึ้งต่อกันเนี่ย
อย่างนี้ก็ไม่ควรเข้าไปยุ่งเด็ดขาด
คือเราควรให้คำแนะนำไปเลยว่า
คนที่เขามีใครต่อใครรอบข้างรับรู้ว่าอยู่ด้วยกันเนี่ย ถือว่ามีเจ้าของแล้ว

จริงๆ ถ้าเอาตามกติกานะ ที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ก็คือว่า
หญิงมีเจ้าของโดยนับเริ่มตั้งแต่มีมาลัยคล้องคอ
หมายถึงว่าธรรมเนียมหรือว่าประเพณีท้องถิ่นไหน
ที่ถือว่าการหมั้นหมายใช้พวงมาลัย
สมัยนี้ใช้แหวนหรือว่าสมัยไหนจะใช้เครื่องไม้เครื่องมืออะไรก็แล้วแต่
บอกว่าจองตัวแล้วเนี่ย
อันนั้นถ้าใครขืนไปยุ่งด้วยถือว่าเป็นความผิดในศีลข้อสามแล้ว
ถ้าหากว่าอันนี้เขาไม่มีเครื่องหมั้นหมาย
แต่ว่าก็เป็นที่รับรู้สำหรับเพื่อนๆ หรือว่าหมู่ญาติสนิทมิตรสหายของเขา
ก็ถือว่ามีเจ้าของแล้วเช่นกัน

ในยุคที่หญิงชายมีสิทธิ์เท่าเทียมกัน เป็นเจ้าของของกันและกันอย่างยุคเราเนี่ย
ก็ถือว่าทั้งฝ่ายชายฝ่ายหญิงต่างเป็นสมบัติของกันและกัน
ไม่สามารถที่จะไปแบ่งปันได้โดยพฤตินัยนะครับ
อันนี้ก็คงให้คำแนะนำกับเพื่อนได้เท่านี้
แต่ว่าเพื่อนจะคล้อยตามหรือไม่คล้อยตามก็เป็นสิทธิ์ของเพื่อนนะครับ