บทสัมภาษณ์คุณดังตฤณในงานประกาศผลการประกวดการ์ตูนธรรมะ
วีเจเหมียว: โอเค ก็อยากจะให้พี่ตุลย์กล่าวถึงโครงการนี้นะคะ แล้วก็ไหน ๆ น้อง ๆ ก็มากันเยอะ มีหลายคนอยากจะมา เพราะอยากจะมาเจอพี่ตุลย์จริง ๆ แสดงว่าได้ผล สิ่งที่พวกเราคิดนี้ได้ผลนะค่ะ อยากจะให้พี่กล่าวอะไรหน่อย
คุณดังตฤณ: ก็เริ่มต้นขึ้นมา กอล์ฟ (คุณกนกเรขา กฤษฎารักษ์) ก็เป็นคนคิด กอล์ฟนี่จริง ๆ แล้วก็เป็นทีมงานของธรรมะใกล้ตัวที่เรียกว่ากำลังสำคัญคนหนึ่ง เพราะว่า ข้อแรกคือ ทำสม่ำเสมอมานานหลายปี ข้อสองคือ เป็นคนที่มีหัวก้าวหน้า มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ อยากปรับปรุง หรือว่าอยากเพิ่มเติมเสริมแต่งอะไรเข้าไป ทำให้นิตยสารมีสีสัน ก็พอบอกว่ามีโครงการเกี่ยวกับเรื่องของการ์ตูนขึ้นมานี่ ผมก็เห็นด้วยทันทีว่า เป็นเรื่องที่น่าสนับสนุน เพราะว่าพวกเรานี่นะ โตกันขึ้นมาในโลกที่มีความสับสนนะ ช่วงเด็กที่สุด ช่วงที่เราไม่รู้อะไรเลย เรามองเห็นอะไรก่อน ผู้ใหญ่ให้การ์ตูนเราดู บอกดูการ์ตูน อย่ามาดูละคร อย่ามาดูเรื่องของผู้ใหญ่ เดี๋ยวนี้มีอะไรนะ บวก 18 หรืออะไร น.หนู ท.หทาร
วีเจเหมียว: จริง ๆ น่าจะมี ห ห้ามดู
คุณดังตฤณ: (หัวเราะ) ห้ามดูหมดทั้งโลกเลยนะ
วีเจเหมียว: ห้ามดูหมดเลย
คุณดังตฤณ: มันมีหลายเรื่องเลยที่สมควรที่จะถูกแบน แต่ก็ไม่โดนแบน แล้วแถมออกเป็นช่วงไพร์มไทม์ด้วย หลังข่าว เพราะมันทำเงินได้ดี ทีนี้ถามว่า พวกเราโตขึ้นมากัน ผู้ใหญ่บอกให้ไปดูการ์ตูน แล้วอะไรล่ะที่อยู่ในการ์ตูน เคยเห็นไหม เอาโจรมาเป็นพระเอก นึกออกไหม
วีเจเหมียว: นึกออก ๆ
คุณดังตฤณ: เรื่องอะไรบ้าง
วีเจเหมียว: เยอะนะ ซิตี้ฮันเตอร์ สมัยก่อน ใครเคยดูเปล่าค่ะ
คุณดังตฤณ: อาละดินกับตะเกียงวิเศษนี่ พี่ดูแล้วพี่ประทับใจนะ เรื่องนี้ แล้วก็ชอบ ทำให้เรามีความฝัน ทำให้จินตนาการของเราเป็นแบบแฟนตาซีได้ แต่ว่า ถามว่า ตัวพระเอกนี่ ขึ้นต้นมานี่ มีคำอธิบายไหม ว่าทำไมถึงมีแรงผลักดันให้ต้องมาเป็นโจร ให้ต้องมาเป็นหัวขโมย แล้วบอกว่าเป็นหัวขโมยที่น่าเห็นใจด้วย ดูจบเสร็จนะ แม่สอนลูกบอกว่า ลูกอย่าเป็นขโมยนะ
วีเจเหมียว: แต่ดูในการ์ตูนแล้ว มันเท่ห์มากเลยนะ
คุณดังตฤณ: แต่ดูไปแล้วชั่วโมง สองชั่วโมง แล้วมาบอกแค่คำเดียว นาทีเดียว บอกลูกอย่าเป็นขโมยนะ หรืออย่างทอมแอนด์เจอรี่อย่างงี
วีเจเหมียว: ค่ะ
คุณดังตฤณ: ตั้งแต่สองถึงสามขวบนี่ เค้าได้ดูการ์ตูนอะไร การ์ตูนสมัยยุคพวกเรานี่ ของเหมียวก็ห่างจากพี่หลายสิบปีอยู่
วีเจเหมียว: ยุคพวกเรา
คุณดังตฤณ: แต่เอาเป็นว่า ตั้งแต่ยุคผมมานี่ จริง ๆ แล้วการ์ตูนสมัยนั้น ยังถือว่ามีความอ่อนโยน มีคุณธรรมแทรกอยู่บ้าง เช่น ทอมแอนด์เจอรี่นี่ มันแกล้งกันเสร็จ มันมาเช็คแฮนด์กันตอนท้าย บอกให้อภัยกัน หรือไม่ก็ ทอมนี่หนูหรือแมวน่ะ
วีเจเหมียว: ทอมนี่แมวค่ะพี่ เจอรี่หนูค่ะพี่ ตกลงพี่ได้ดูหรือเปล่าค่ะ
คุณดังตฤณ: (หัวเราะ) คืออย่างทอมนี่ อย่างเป็นฝ่ายแพ้ ถูกไหม
วีเจเหมียว: ใช่ ๆ
คุณดังตฤณ: หนูที่มีความสามารถเอาตัวรอด หนูที่เป็นพระเอกช่วยเหลือกัน ส่วนทอมนี่ก็หัวเดียวกระเทียมลีบ เป็นโจรอยู่คนเดียวเลย แล้วก็ไม่มีใครเห็นใจ ไม่มีใครให้ความเห็นใจ อันนั้นก็ยังมีอะไรที่ดูแล้วได้บ้างนิดนึงว่า ธรรมะย่อมชนะอธรรม หนูเป็นตัวแทนของธรรมะได้ยังไงก็ไม่รู้แหละ เอาเป็นว่า ถ้าเป็นฝ่ายที่ถูกแกล้งแล้ว ในตอนท้ายมันจะชนะ แต่การ์ตูนปัจจุบันเป็นยังไง การ์ตูนปัจจุบันนี่เค้าไม่สนใจกันแล้วว่า จะให้อะไรกับเด็กบ้าง เค้าสนใจแต่ว่า เด็กชอบดูอะไร ประเคน ประโคมใส่เข้ามา ให้เกิดความรู้สึกตื่นเต้น อยากดู อยากดูต้องมาอันดับหนึ่ง ไอ้ที่มันจะอยู่ในเรื่องแล้วโป๊วับ ๆ แวม ๆ หรือว่ามีฆ่าแกงกัน หรือว่าถ้าแค้นกันแล้วก็ต้องเอาคืน อะไรแบบนี้นี่ มันเริ่มไม่มีการชี้ถูกชี้ผิดให้กับเด็กว่า ตรงไหนที่มันถูก ตรงไหนที่มันควร มันก็เลยกลายเป็นว่า ทุกวันนี้โลกหมุนไปด้วยอะไร หมุนไปด้วยเจนเนอเรชั่นใหม่ เด็กที่เกิดขึ้นมาพร้อมกับความสับสน ผู้ใหญ่พูดอย่าง แต่การ์ตูนสอนอีกอย่างหนึ่ง เค้าเสพการ์ตูนอย่างหนึ่ง แต่ว่าพ่อแม่มาสอนอีกอย่างแค่ห้านาทีสิบนาที ในขณะที่การ์ตูนเสพกันเป็นวัน ๆ
วีเจเหมียว: เป็นชั่วโมง
คุณดังตฤณ: เป็นชั่วโมงแล้ว เดี๋ยวนี้ด้วยวิทยาการที่ล้ำสมัย เราเอาการ์ตูนนี่ออกมาสู่โลก มาใกล้โลกความจริงมากขึ้น ผ่านเกมคอมพิวเตอร์
วีเจเหมียว: เหมือนจริงมาก
คุณดังตฤณ: อยากจะเอาแค่ไหนก็ได้ ให้เหมือนจริงแค่ไหนก็ได้ ผ่านรูปแอนิเมชั่น ยุคต่อไปเนี่ยแอนิเมชั่นจะมามีบทบาทมากขึ้นต่อโลกเรา เพราะว่าพอเด็กโตขึ้นมานะ แค่ไม่กี่ขวบมันสามารถที่จะสร้างแอนิเมชั่นได้เองแล้ว
วีเจเหมียว: ใช่
คุณดังตฤณ: และแอนิเมชั่นที่พวกเขาจะสร้างคืออะไร ลองสำรวจเข้าไปดี ๆ ถ้าหากใครยังไม่เคยเข้าไปสำรวจ ถ้าพ่อแม่คนไหนยังไม่เคยสำรวจ คุณลองสำรวจดูดี ๆ ว่า พวกลูกของคุณ หลานของคุณ เค้าขลุกอยู่กับอะไรกันบ้าง เค้าคุยกันเอง เพราะว่าเดี๋ยวนี้มันคุยกันเองง่าย
วีเจเหมียว: อินเตอร์เนต
คุณดังตฤณ: สองทุ่มสามทุ่มเนี่ย คือสุมหัวกัน แล้วคุณรู้มั้ยว่าเค้าคุยอะไรกันบ้าง?? เค้าอยากได้? อยากเห็น อยากดู อะไรกันบ้าง? สิ่งที่เค้าอยากเห็นอยากดูนั่นแหละ คือสิ่งที่มันจะปรากฏต่อ ๆ ไป เค้าสามารถ? อย่างเหมือนอย่างคนบ้านนอกที่ไม่มีตังค์ซื้อเหล้าถูกกฏหมาย ก็สามารถที่จะต้มเหล้าเถื่อนได้เพราะมันมีอุปกรณ์ แล้วก็มีดีมานด์? มันก็มีซัพพลาย ในปัจจุบันเนี่ยดีมานด์คืออะไรนะ ก็คงไม่ต้องให้บอกล่ะ? ทั้งเรื่องราคะ โทสะ โมหะเนี่ย? มันอยู่ที่นั่นหมด แล้วมีความพร้อมที่จะสร้างขึ้นมาสนองความต้องการ? สนองกับดีมานด์ที่มันมีอยู่ล้นหลามนะ ทีนี้โครงการอะไรแบบที่คุณกอล์ฟเค้าริเริ่มขึ้นมาเนี่ยนะ? อย่ามองว่าใครแพ้ใครชนะ แต่มองว่านี่คือจุดเริ่มต้นได้? มันมีคนทำมาหลายคนแล้วล่ะ? แต่ว่านี่คือส่วนหนึ่ง นี่คือน๊อต นี่คือหัวเทียน นี่คืออะไรซักอย่างนึง ที่มันสามารถที่จะเป็น อาจจะเป็นชิ้นเล็ก ๆ แต่ทำให้รถมันขับเคลื่อนไปได้ ถ้าหากว่าเอามาประกอบกันเป็นหน่วยใหญ่นะฮะ? การที่เรามาร่วมกันในวันนี้ ผมเห็นการ์ตูน ดูแล้วเนี่ยนะ? รางวัลที่หนึ่ง สอง สาม ถ้ามีแรงสนับสนุน? เค้าสามารถทำเป็นอาชีพได้นะ
วีเจเหมียว: ค่ะ
คุณดังตฤณ: นี่คุณวิรัชก็บอก บอกว่า? ภาพ? อ.วิรัช บอกว่าภาพนี่ใช้ได้แล้ว แต่อาจจะต้องดัดแปลงแก้ไขนิดนึง? อันนี้ผมขอเสริมกะอาจารย์วิรัชก็ละกัน? หลักการง่าย ๆ นะ? ที่คุณจะทำการ์ตูนเนี่ยให้มันมีข้อคิดคำคม หรือว่าประเด็นสอดแทรกที่น่าสนใจได้เนี่ย? คุณอย่า? คุณอย่าเริ่มต้นด้วยการวาดขึ้นมาก่อน แล้วก็อย่าเริ่มต้นด้วยการเขียนเรื่องขึ้นมาเป็นลำดับ? แต่ให้ทำช็อตโน้ตไว้ อย่างคุณกอล์ฟ ก็ให้เวลาเดือนสองเดือนนะ เอา แบ่งเวลาไว้เลย บอกตัวเองไว้? สองอาทิตย์ คุณจะยังไม่คิดเรื่อง แต่เดินไปไหน นั่งที่ไหน หรือว่านอนที่ไหนเนี่ยตามสบาย ให้ชีวิตมันเป็นไปตามอิสระ แต่เมื่อมีคำพูดอะไรขึ้นมา เมื่อมีแง่คิดสะกิดใจอะไรขึ้นมา ระหว่างวันไปเจออะไรเนี่ย แล้วมีคำในหัวเกิดขึ้น ให้จดไว้เป็นช็อตโน้ต จดไว้แบบ คือไม่ต้องปะติดปะต่อกันนะ ยัง จดไปตาม เอ่อ เรียกว่า ตามที่มันจะเข้ามาบอกคุณน่ะ?? ตามที่โลกจะมาบอกคุณว่าคุณควรจะคิดอะไรในเวลานั้น แล้วถ้าหากว่าไอเดีย คุณรวบรวมไว้สั้น ๆ ใส่ช็อตโน้ตไว้ได้ซัก สิบ ยี่สิบ ห้าสิบ มาอ่านดูอีกที อ่านดูทั้งหมดเลย? อันไหนที่มันน่าสนใจบ้าง ไอเดียอะไร แง่คิดอะไรที่คุณได้จากโลก ในช่วงสิบวันยี่สิบวัน ให้คัดออกมา เป็นจุดที่ดีที่สุดนะฮะ เป็นคติ? หรือว่าเป็นอะไรที่คุณรวบรวมไว้ว่า? นี่แหละไอ้ที่เกิดในหัวคุณแล้วมันดีที่สุด? โดนใจที่สุด? หรือน่าจะไปกระทบใจกับคนมากที่สุดนะฮะ? พูดง่าย ๆ ว่าอันนี้คือวิธีผลิตแง่คิดคำคม หรือวาทะของคุณเอง? ซึ่งมาจากไหน มาจากโลกเค้าบอกคุณ? แล้วคุณโต้ตอบกับโลกด้วยภาษาพูดในหัว ที่มันออกมาแบบนั้นแหละ?
วีเจเหมียว: แสดงว่านี่เป็นวิธีของพี่ตุลย์ใช่มั้ยฮะ
คุณดังตฤณ: อันนี้เป็นวิธีของนักเขียนทั้งโลก
วีเจเหมียว: อ้อเหรอ
คุณดังตฤณ: นักเขียนทั้งโลกนะ คือ เค้าไม่ได้มานั่ง นั่งเขียนกันบนโต๊ะนะ? เค้าได้ไอเดียมาจากโลกธรรมดาที่เดินไปแล้วไปเจออะไร? แล้วก็เกิดความคิดขึ้นมา? เกิดไอเดียขึ้นมา
วีเจเหมียว: ค่ะ
คุณดังตฤณ: พ้อยท์ก็คือว่า เมื่อฝึกที่จะสะสม เมื่อฝึกที่จะพัฒนาทักษะ ในการทำคำพูด ที่เรามีเป็นปฏิกิริยาโต้ตอบกับโลกเนี่ย? สะสมมากเข้า ๆ แล้วเนี่ย มันเกิดความกระชับขึ้นมา มันเกิดน้ำหนักขึ้นมา มันเกิดอะไรที่เรารู้ก่อนเลย? ก่อนใครเพื่อน? ว่าไอ้เนี่ยที่เรียกว่าเป็นข้อสรุปที่ได้จากโลกและโดนใจเรา มันก็น่าจะโดนใจคนอื่นด้วย
วีเจเหมียว: ค่ะ
คุณดังตฤณ: ทีนี้พอคุณรวบรวมมาซักสิบ ยี่สิบ แง่คิด ที่คุณรู้สึกว่าเนี่ยเป็นของคุณเอง แล้วก็โดนใจคุณเอง แล้วก็น่าจะโดนใจคนอื่นได้ด้วย ตรงนั้นคุณค่อยมาผูก? หนึ่ง สอง สาม คือ คือตอนแรก คุณยังไม่ต้องลำดับอะไรเลยนะ ปล่อยให้มันเกิดขึ้นตามสบาย เสร็จแล้วพอคุณมาลำดับหนึ่งสองสาม เนี่ย คุณจะเห็นขึ้นมาเองว่า อ้อ เรื่องของเราน่าจะเป็นยังไงนะ แล้วไอ้คำเหล่านั้นน่ะ ที่มันกระทบใจที่มันโดนใจเนี่ย ควรจะไปอยู่ตรงไหนจังหวะไหน ตรงนี้แหละที่จะมาเสริมกับที่อ.วิรัช บอกว่าควรจะพัฒนาในเรื่องของเนื
วีเจเหมียว: ค่ะ
คุณดังตฤณ: งั้นในส่วนที่อาจารย์อิสระก็ได้ให้คำแนะนำไปบอกว่า? โอเค วันนี้เนี่ยไม่พูดล่ะว่า ใครดีใครไม่ดีกว่ากัน? ใครด้อย? ใครเก่ง? ใครอะไรต่อมิอะไร แต่ แต่ อาจารย์อิสระ บอกว่าที่เราได้ก็คือจุดเริ่มต้น? ในการทำให้มันเกิดกระแส? มันมีการจุดกระแสขึ้นมา ทีนี้กระแสเนี่ยมันจะไหลต่อได้หรือเปล่า? อันนี้มันขึ้นอยู่กับหลาย ๆ ปัจจัย ว่าเราชอบเขียนอยู่ด้วยตัวเองรึเปล่า อย่างที่ได้รางวัลที่หนึ่งนะฮะ ผมดูแวบแรกนี่ ทุกคนก็ต้องนึก? เหมือนงานของหมูอินเตอร์เลยนะฮะ? ของขายหัวเราะอะไรเนี่ย อย่างรางวัลที่สองนี่ก็เรียกว่า คือเอาไปลงในการ์ตูนเซเว่นอะไรได้แบบไม่อาย
วีเจเหมียว: ได้เลย
คุณดังตฤณ: หรืออย่างรางวัลที่สามนี่ อันนี้ผมพูดถึงเฉพาะ ขอโทษนะ ไม่ได้พูดถึงทั้งหมด พูดถึงหนึ่ง สอง สาม อย่างรางวัลที่สามนี่ถ้าหากว่าเมื่อยี่สิบสามสิบปีที่แล้วเราอ่านการ์ตูน อันนี้นี่คือมาตรฐานเลย มาตรฐานการ์ตูนญี่ปุ่น ภาพลายเส้นเป็นแบบนี้แหละ ที่มันจับความสนใจคนได้ ช่วงเด็กนี่เราจะไม่สนใจอะไรมากไปกว่าภาพ หรือสัญลักษณ์ที่กระทบตา กระทบใจนะ ข้อความมันตามมาทีหลัง ข้อความนี่ ถ้าเปิดหนังสือไปมีแต่ข้อความล้วน ๆ นะ เด็กปิด
วีเจเหมียว: อืม
คุณดังตฤณ: แต่เปิดขึ้นมา หรืออยู่ที่หน้าปกนี่มีภาพอะไรสวย ๆ นี่ ดู จ้อง สนใจ ข้างในมีอะไร อย่างไร อยากอ่านอยากเห็นนะ นี่แหละคือสิ่งที่ผมจะบอกว่า ถ้าหากว่าเราคิดถึงช่องทาง มันมีช่องทางที่จะเผยแพร่อะไรดี ๆ จะเป็นความคิดเบื้องต้นในการดำรงชีวิต หรือว่าจะเป็นธรรมะขั้นสูงก็ตาม มันมีช่องทาง สุดแต่ว่าเราจะเห็นหรือไม่เห็น สุดแต่ว่าใครจะลุกขึ้นมาทำหรือไม่ลุกขึ้นมาทำ ก็เอาล่ะ ในฐานะเป็นคนที่อยู่ในธรรมะใกล้ตัวคนหนึ่ง ก็ขอแสดงความยินดีกับกอล์ฟที่ได้ถือว่าประสบความสำเร็จงานนี้นะ เพราะว่าทุกคนที่มาล้วนแล้วแต่มีคุณภาพ อย่างน้อยที่สุด จะเขียนเก่งหรือเขียนไม่เก่งอย่างไรก็ตาม ก็แล้วแต่ แต่มีใจ
วีเจเหมียว: ค่ะ ทำด้วยใจ
คุณดังตฤณ: เรื่องของใจมันสร้างกันไม่ได้นะ บังคับกันไม่ได้ มาพูดหว่านล้อมอย่างไร นี่ไม่ได้ แต่การที่เรามีสื่ออย่างธรรมะใกล้ตัวแล้วรวบรวมคนที่มีใจ มานั่งอยู่ด้วยกัน พร้อม ๆ กัน หลาย ๆ สิบ เป็นร้อยคนได้ นี่ถือว่าประสบความสำเร็จ แล้วความสำเร็จนี่เกิดขึ้นจากตรงไหน อย่างมีคนบอกกอล์ฟว่า แค่เขียนเสร็จเค้าก็ภูมิใจแล้ว ตรงนี้ที่มันได้ อันนี้พูดถึงปัจเจกนะ พูดถึงเฉพาะตัวเฉพาะคน สิ่งที่ได้มันก็คือความรู้สึกประสบความสำเร็จในการถ่ายทอดธรรมะ ประสบความสำเร็จในเรื่องการเขียนการ์ตูน จริง ๆ แล้วมันเป็นแค่ด่านแรกที่มีอะไรยาก ๆ ขึ้นมา ท้าทายความสามารถของมนุษย์ แล้วพอทำได้ มันก็เกิดความรู้สึกภาคภูมิใจ แต่อันที่มันแทรกอยู่กับความภาคภูมิใจอันนั้นนะ สิ่งที่คิดว่ามันเป็นเรื่องดี สิ่งที่คิดว่ามันเป็นตัวแทนของธรรมะ หรือว่าจะชักจูงโน้มน้าวให้คนรุ
วีเจเหมียว: ไม่รู้ตัว
คุณดังตฤณ: ตอนนี้ที่เค้ากำลังเพาะเชื้อกันอยู่ เพาะพันธุ์กันอยู่ เป็นฟาร์มฆาตกรทั่วโลกนี่ มันไม่รู้เท่าไหร่ และที่คนคิดไม่ดีทางเพศ หรือว่าคนคิดไม่ดี คิดฉ้อโกง คิดทำอะไรก็ได้ ที่จะได้สิ่งที่ตัวเองต้องการนี
วีเจเหมียว: รู้เรื่องกว่าพวกเราอีก
คุณดังตฤณ: เพราะว่าเพลงคลาสสิคนี่มันเป็นอะไรที่ยังไม่ต้องผ่านกระบวนการคิด มันฟังแล้วรู้เลย รู้สึกเลยว่าเป็นอย่างไร แล้วเด็กที่โตขึ้นมาด้วยการฟังเพลงคลาสสิคนี่จะฉลาดกว่าระดับเฉลี่ยนะ จะฉลาดกว่าระดับเฉลี่ย มีความคิด มีความละเอียดอ่อนทางอารมณ์มากกว่าเด็กที่โตขึ้นมาแบบธรรมดา อันนี้ก็เหมือนกัน ยังไม่มีการทดลองวิจัยใช่ไหม เอ้า ลองทำดูไหมนี่ เดี๋ยวธรรมะใกล้ตัวจะให้การสนับสนุน คุณลองเอาไปให้ลูก ๆ คุณอ่านดู หลาน ๆ คุณอ่านดู เอาเรื่องที่มันโดนใจ เอาเรื่องที่ได้รางวัลหนึ่ง สอง สามไปนี่ หรือว่าที่เค้ายังวางขายกันอยู่ตามร้านที่มันอ่านแล้วคุณรู้สึกว่าเด็กน่าจะได้อะไรจริง ๆ นอกจากความสนุกแล้วนี่ มีอะไรบางอย่างที่โดนใจ แล้วฝังใจเค้า ทำให้เค้าปักใจอยู่กับความรู้สึกที่มันดี ที่มันถูกต้อง ที่มันเป็นความดีงาม ลองดูว่า ถ้าหากเอาไปให้พวกเค้าอ่านแล้วนี่ สิ่งแรกที่เค้าได้อ่านคือธรรมะ ธรรมะในรูปแบบของการ์ตูนที่ย่อยง่าย ธรรมะในรูปแบบของการ์ตูนที่สวยงาม น่าสนใจ มีความดึงดูด จะเกิดอะไรขึ้นกับโลกเรา โอเค มันเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นนิดหน่อย แต่ถ้าไม่เกิดความเปลี่ยนแปลงอะไรเลย?
วีเจเหมียว: มืดลงเรื่อย ๆ
คุณดังตฤณ: มันเป็นอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ มันก็คือจะลาดลงต่ำไปเรื่อย ๆ เช่นกัน
วีเจเหมียว: และนี่ก็คือ คุณศรัณย์ ไมตรีเวช หรือคุณดังตฤณค่ะ