Print

เพื่อนธรรมจารี - ฉบับที่ ๑๕๕

การปฏิบัติธรรมเพื่อแก้ไขปัญหาชีวิต

ngod-ngamงดงาม
This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

 


dharmajaree-155a

ท่านผู้อ่านเคยพบหรือเคยได้ยินบ้างไหมครับว่า
บางคนที่ไปเข้าวัดทำบุญ สวดมนต์ นั่งสมาธิ ศึกษาธรรมะ
ฝึกหัดปฏิบัติธรรม หรือกระทั่งเข้าอบรมคอร์สปฏิบัติธรรม
แต่ก็ยังชอบอิจฉาริษยาคนอื่น ยังงก โลภมาก ขี้โกรธขี้โมโหรุนแรง
ชอบพูดจานินทาว่าร้ายคนอื่น พูดจาโกหก ชอบเอารัดเอาเอาเปรียบผู้อื่น
แก่งแย่งอยากได้โน่นนี่ทั้งที่ไม่ใช่ของที่ตนสมควรจะได้ ประพฤติตนนิสัยไม่ดีต่าง ๆ นานา
หรือยังประพฤติตนผิดศีล ดื่มสุรา ประพฤติผิดในกามกับสามีหรือภรรยาของผู้อื่น ฯลฯ

ถามว่าทำไมถึงได้เป็นเช่นนั้น?
ขอตอบว่าการที่คนเราเข้าวัด ทำบุญ สวดมนต์ ศึกษาธรรมะ หรือปฏิบัติธรรมนั้นไม่ได้แปลว่า
ทุกคนจะมุ่งต้องการหรือสามารถลดละเลิกสิ่งอกุศล และเปลี่ยนมาเป็นคนดีเหมือนกันหมด
เพราะว่าวัตถุประสงค์และวิธีการในการเข้าวัด ทำบุญ สวดมนต์ ศึกษาธรรมะ หรือปฏิบัติธรรมนั้น
แตกต่างกัน ดังนั้นผลของการประพฤติสิ่งต่าง ๆ ดังกล่าวก็ย่อมจะแตกต่างกันไปด้วย

ยกตัวอย่าง บางท่านต้องการที่จะได้เลื่อนตำแหน่งในที่ทำงาน ต้องการมีเงินทรัพย์สินเยอะ ๆ
ต้องการหาคนมาเป็นแฟน ต้องการให้สามีเลิกนอกใจ ต้องการให้ลูกเรียนดี
ต้องการให้ตนเองหายป่วย ต้องการให้ปัญหาชีวิตทั้งหลายลดน้อยลงหรือหมดไป ฯลฯ
จึงมุ่งทำทาน ทำบุญ สวดมนต์ ศึกษาธรรมะ นั่งสมาธิ หรือปฏิบัติธรรมเพื่อวัตถุประสงค์ดังกล่าว
ในสิ่งทั้งหลายที่ได้ทำไปนั้น ลองพิจารณาว่าวัตถุประสงค์ วิธีการและผลนั้นสอดคล้องกันหรือไม่
อย่างเช่น เราไหว้พระและสวดมนต์เพื่อขอให้ได้เลื่อนตำแหน่งหน้าที่ในที่ทำงาน
หรือไหว้พระและสวดมนต์เพื่อขอให้ได้แฟน หรือสามีเลิกนอกใจ หรือขอให้มีเงินทรัพย์สินเยอะ ๆ
ถามว่าการไหว้พระและสวดมนต์จะสามารถช่วยให้เกิดผลดังกล่าวได้อย่างไร?
จะมีเทพเทวดาองค์ใดมาช่วยดลใจเจ้านายเราให้เลื่อนตำแหน่งให้เราหรือ
จะมีอำนาจวิเศษใด ๆ มาช่วยดลใจใครคนหนึ่งให้มาเป็นแฟนเราหรือ
จะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใด ๆ มาช่วยดลใจสามีเราเลิกนอกใจเราหรือ
จะมีโชคลาภอันใดลอยมาเองและช่วยให้เราได้มีเงินทรัพย์สินเยอะ ๆ เช่นนั้นหรือ
หากเราไหว้พระและสวดมนต์โดยมุ่งหวังโลภอยากจะได้โน่นได้นี่
ระหว่างที่ไหว้พระและสวดมนต์ดังกล่าว จิตใจจดจ่อมุ่งหวังอยากจะได้แต่สิ่งนั้น
โดยหวังว่าการไหว้พระและสวดมนต์จะเป็นเหมือนอำนาจวิเศษดลบันดาลให้ได้สมประสงค์
เช่นนี้วัตถุประสงค์ และวิธีการไม่ได้สอดคล้องกับผลที่ตนเองต้องการ และผลที่จะเกิดขึ้น
การประพฤติดังกล่าวก็ย่อมจะไม่สามารถอำนวยให้เกิดผลดังกล่าวได้
แต่กลับเป็นเพียงการประพฤติเพื่อสร้างเสริมความโลภและความอยากในใจตนเองเท่านั้น
และไม่ได้เป็นการลดละความโลภหรือลดละกิเลสภายในใจลงแต่อย่างใด

ด้วยเหตุนี้ เราจะพบในชีวิตจริงว่า หลาย ๆ ท่านศึกษาและปฏิบัติธรรมไปแล้ว
แต่ว่ากิเลสก็ไม่ได้ลดน้อยลง โมหะโทสะโลภะยังหนาแน่นและไม่เบาบางลง
ทำบุญ และปฏิบัติธรรมต่าง ๆ แล้ว แต่ก็ยังประพฤติสิ่งไม่ดีต่าง ๆ นานาอยู่เสมอ
ก็เพราะว่าวัตถุประสงค์และวิธีการในการทำบุญและปฏิบัติธรรมนั้นไม่ได้เป็นไปเพื่อการลดละกิเลส

ถามต่อไปว่าแล้ววัตถุประสงค์ในการศึกษาและปฏิบัติธรรมในศาสนาพุทธนั้นเป็นไปเพื่ออะไร?
ขอตอบโดยอาศัยเรื่อง “
ลักษณะตัดสินธรรมวินัย” ซึ่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ได้ทรงตรัสไว้แก่ พระนางมหาปชาบดีโคตมี ว่า
ธรรมหรือคำสอนของพระพุทธเจ้า เป็นไปตามลักษณะ ดังต่อไปนี้
๑. เป็นไปเพื่อวิราคะ คือความคลายหายติด หรือความคลายกำหนัด
๒. เป็นไปเพื่อวิสังโยค คือเพื่อความคลายหลุดจากความทุกข์
๓. เป็นไปเพื่ออปจยะ คือความไม่พอกพูนกิเลส
๔. เป็นไปเพื่ออัปปิจฉตา คือความมักน้อย
๕. เป็นไปเพื่อสันตุฏฐี คือความสันโดษ
๖. เป็นไปเพื่อปวิเวก คือความสงัด
๗. เป็นไปเพื่อวิริยารัมภะ คือการระดมความเพียร
๘. เป็นไปเพื่อสุภรตา คือความเลี้ยงง่าย

ในเมื่อธรรมะของพระพุทธเจ้านั้นเป็นไปเพื่อความมักน้อย ความเลี้ยงง่าย และความเพียรแล้ว
การที่เราไหว้พระและสวดมนต์ไปเรื่อยโดยใจหมกมุ่นหวังว่าจะทำให้เราได้เงินทรัพย์สินมาก ๆ
หรือให้เราได้แฟน หรือให้สามีเลิกนอกใจ ก็ย่อมจะเป็นสิ่งที่ไม่สอดคล้องกัน
โดยสิ่งที่เราทำนี้ย่อมเรียกไม่ได้ว่าเป็นการปฏิบัติธรรมตามคำสอนของพระพุทธเจ้า
เพราะเป็นการมุ่งสนองกิเลสตัณหา ซึ่งไม่สอดคล้องตั้งแต่วัตถุประสงค์เริ่มแรกแล้ว

อย่างเช่นเราอาจจะเคยเห็นบางท่านที่เข้าวัด หรือทำทานมากมาย
แต่ก็ยังโลภ ยังงก ยังโกง ยังเอารัดเอาเปรียบคนอื่นอยู่ ยังอยากได้ของคนอื่นอยู่
นั่นก็เพราะว่าวัตถุประสงค์ของการเข้าวัดและการทำทานของเขานั้น
ไม่ได้เป็นไปเพื่อความสันโดษ ความมักน้อย หรือความไม่พอกพูนกิเลส
เช่น ทำบุญเยอะ ๆ เพราะอยากได้หน้าตา อยากมีชื่อเสียง อยากได้รับการยอมรับ เป็นต้น
จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เราจะเห็นในชีวิตจริงว่าบางท่านนั้นเข้าวัดหรือทำทานแล้วก็ตาม
แต่ก็ยังโลภอยู่ ยังงกอยู่ ยังโกงอยู่ และยังเอารัดเอาเปรียบผู้อื่นอยู่

ถามต่อไปว่า หากเป็นเช่นนี้แล้ว การศึกษาและปฏิบัติธรรมทั้งหลายนี้
จะไม่สามารถช่วยแก้ไขปัญหาชีวิตทั้งหลายของเราได้ใช่ไหม
?
อย่างเช่น เรามีปัญหาไม่ได้เลื่อนตำแหน่ง ไม่ได้ปรับเงินเดือน มีเงินไม่พอใช้
ไม่มีแฟน สามีนอกใจเรา ลูกเรียนไม่ดี ร่างกายเจ็บป่วย หรือมีปัญหาชีวิตอื่นมากมาย ฯลฯ
ในปัญหาชีวิตทั้งหลายเหล่านี้
การศึกษาและปฏิบัติธรรมช่วยอะไรไม่ได้เลยใช่ไหม?
ขอตอบว่าการศึกษาและปฏิบัติธรรมนั้น สามารถช่วยแก้ปัญหาชีวิตได้
แต่ว่าวัตถุประสงค์ วิธีการ และผลนั้นอาจจะไม่ได้เป็นไปอย่างที่บางท่านเข้าใจ
หรืออาจจะไม่ได้เป็นไปอย่างที่บางท่านต้องการ
โดยเราพึงต้องมีความเข้าใจถึง วัตถุประสงค์ วิธีการ และผลของการศึกษาและปฏิบัติธรรมเสียก่อน
ไม่เช่นนั้นแล้ว บางท่านอาจไปคาดหวังว่าการศึกษาและปฏิบัติธรรมจะเป็นเหมือนอำนาจวิเศษ
หรือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือเวทมนต์คาถาที่จะดลบันดาลให้เราสมปรารถนาได้ดังต้องการ
ซึ่งเป็นความคาดหวังและความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง

หากจะอธิบายอย่างง่าย ๆ ถึงวัตถุประสงค์ที่เราศึกษาและปฏิบัติธรรม
ก็อาจจะตอบได้ว่า เพื่อให้เข้าใจถึงความเป็นจริงของรูปและนาม
หรือกล่าวง่าย ๆ ว่าคือกายและใจของเราเอง ซึ่งเมื่อเข้าใจถึงความเป็นจริงของกายและใจของเราเอง
ก็ย่อมจะส่งผลเป็นไปเพื่อคลายหายติด ความหลุดจากทุกข์ ความไม่พอกพูนกิเลส
ความมักน้อย ความสันโดษ ความสงัด ความเพียร และความเลี้ยงง่ายดังที่กล่าวได้

อย่างสมมุติว่า เรามีปัญหาเรื่องมีเงินไม่พอใช้จ่าย และต้องการจะมีรายได้มากขึ้น
หากเราไปสวดมนต์และนั่งสมาธิเพื่อขอให้ได้เงินเยอะ ขอให้ถูกหวยแล้ว ย่อมไม่ใช่ทางที่ถูกต้อง
แต่หากเราสวดมนต์และนั่งสมาธิเพื่อเรียนรู้ความเป็นจริงของกาย และใจของเราเอง
ความรู้สึกใด ๆ เกิดขึ้นในใจของเรา เรามีสติรู้ทัน เห็นความรู้สึกทั้งหลายเกิดขึ้นและดับไป
เมื่อมีความโลภเกิดขึ้นในใจของเรา เรามีสติรู้ทัน ไม่ถูกความโลภครอบงำ
แม้เราจะไม่ได้เงินเยอะตามที่ต้องการนั้นก็ตาม แต่ความโลภนั้นครอบงำใจของเราไม่ได้
เรื่องความทุกข์ใจเพราะโลภต้องการเงินมาก ๆ เพื่อมาใช้จ่ายนั้น จะทำให้เราทุกข์ใจไม่ได้
เมื่อไม่โลภ เราพอใจในสิ่งที่ตนเองมี เราก็ย่อมจะบริหารจัดการสิ่งที่ตนเองมีอยู่ได้เหมาะสม
และสามารถอยู่กับสิ่งที่เรามีได้อย่างมีความสุข นอกจากนี้ เวลาที่เราอยากได้โน่นนี่
อยากใช้เงินฟุ่มเฟือยสุรุ่ยสุร่ายหรือใช้เงินไปในสิ่งไม่จำเป็น
เรามีสติรู้ทันความโลภ ความโลภครอบงำใจเราไม่ได้ เราก็ประหยัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นนั้นได้

หรือในกรณีที่เราหัดทำทาน แต่เราทำทาน โดยขอให้ได้เงินกลับมาเป็นทวีคูณ หรือเพื่อให้ได้ชื่อเสียง
อย่างนั้นก็เป็นการทำทาน เพื่อสนองความโลภตนเอง ก็ไม่ได้ช่วยแก้ไขปัญหาเงินทองไม่พอใช้นั้น
แต่หากเราหัดทำทานเพื่อฝึกหัดเสียสละ ละความยึดถือ ละความอยากได้ หัดพอใจในสิ่งที่ตนเองมี
ก็ย่อมเป็นหนทางที่ช่วยลดละความโลภในใจเราเช่นกัน
และย่อมจะทำให้เราไม่ถูกความทุกข์จากความโลภอยากได้เงินเยอะ ๆ นั้นมาครอบงำใจ

อย่างปัญหาเรื่องต้องการเลื่อนตำแหน่งในหน้าที่การงาน
การศึกษาและปฏิบัติธรรมก็ไม่ใช่มนต์วิเศษที่จะเสกให้เราได้สิ่งดังกล่าวเหมือนลาภลอย
แต่เมื่อศึกษาและปฏิบัติธรรมอย่างถูกต้องแล้ว เราลดละโทสะ เรามีเมตตากรุณากับคนอื่น ๆ
เราคิดดี พูดจาดี และทำดี เราไม่ทะเลาะกับเจ้านาย ไม่ทะเลาะกับเพื่อนร่วมงาน
เราไม่เป็นศัตรูกับใคร ไม่ได้เกลียดใคร และเราลดจำนวนคนที่ไม่ชอบเราได้
เราลดละความขี้เกียจ เรามีความเพียรขยันทำงาน ก็ย่อมมีโอกาสได้เลื่อนตำแหน่งมากขึ้น
แต่ถึงแม้เราจะไม่ได้เลื่อนตำแหน่งก็ตาม ในเมื่อเราลดละความโลภอยากได้ตำแหน่งลงได้
ก็ย่อมจะทำให้เราไม่ถูกความทุกข์จากความโลภอยากได้ตำแหน่งนั้นมาครอบงำใจ

อย่างปัญหาต้องการหาแฟน การศึกษาและปฏิบัติธรรมก็ไม่ใช่มนต์วิเศษที่จะเสกให้ว่า
อยู่ดี ๆ ก็มีคนโน้นคนนี้วิ่งเข้ามาจีบหรือเข้ามาเป็นแฟนเราเหมือนโดนกามเทพแผลงศร
แต่เมื่อศึกษาและปฏิบัติธรรมอย่างถูกต้องแล้ว เราลดละโลภะโทสะโมหะลง
เราคิดดี พูดจาดี และทำดี เราเลิกขี้โกรธขี้โมโห เลิกขี้เกียจ เลิกใช้จ่ายฟุ่มเฟือย
เลิกขี้อิจฉาริษยาคนอื่น เลิกชอบนินทาคนอื่น เลิกทำหน้าบึ้ง เลิกเบียดเบียนคนอื่น
เรามีความสุข มีศีล ใครอยู่ใกล้เราแล้วก็สัมผัสแต่ความร่มเย็น อยู่ใกล้แล้วมีความสุข
อย่างนี้ก็มีโอกาสมากขึ้นที่จะทำให้คนอื่นสนใจและต้องการมาเป็นแฟนเรา
แต่ถึงแม้จะหาแฟนไม่ได้ก็ตาม ในเมื่อเราลดละความโลภอยากได้แฟนลงได้
ก็ย่อมจะทำให้เราไม่ถูกความทุกข์จากความโลภอยากได้แฟนนั้นมาครอบงำใจ

อย่างปัญหาสามีนอกใจ การศึกษาและปฏิบัติธรรมก็ไม่ใช่มนต์วิเศษที่จะเสกให้ว่า
อยู่ดี ๆ สามีก็กลับตัวเป็นคนดี และเลิกนอกใจเราเหมือนมีรีโมทคอนโทรลสั่งเปลี่ยนช่องได้
แต่เมื่อศึกษาและปฏิบัติธรรมอย่างถูกต้องแล้ว เราลดละโลภะโทสะโมหะลง
เราคิดดี พูดจาดี และทำดี เราเลิกขี้โกรธขี้โมโห เลิกขี้เกียจ เลิกใช้จ่ายฟุ่มเฟือย
เลิกทำหน้าบึ้ง เลิกทะเลาะ มีเมตตากรุณาต่อคนอื่น เห็นใจคนอื่น
เรามีความสุข มีศีล ใครอยู่ใกล้เราแล้วก็สัมผัสแต่ความร่มเย็น อยู่ใกล้แล้วมีความสุข
เราสอนให้คนรอบข้างมีศีล เราทำให้คนรอบข้างเห็นคุณค่าของศีล และมีความสุข
อย่างนี้ก็มีโอกาสมากขึ้นที่จะทำให้สามีเลิกประพฤตินอกใจเราได้
แต่ถึงแม้สามีจะไม่เลิกนอกใจเราก็ตาม ในเมื่อเราลดละความโลภอยากให้สามีเลิกนอกใจลงได้
ก็ย่อมจะทำให้เราไม่ถูกความทุกข์จากความโลภอยากให้สามีเลิกนอกใจนั้นมาครอบงำใจ

อย่างปัญหาลูกเรียนไม่ดี การศึกษาและปฏิบัติธรรมก็ไม่ใช่มนต์วิเศษที่จะเสกให้ว่า
อยู่ดี ๆ ลูกก็มีความรู้และสอบได้เกรดดีดังใจเราต้องการโดยอัตโนมัติ
แต่เมื่อศึกษาและปฏิบัติธรรมอย่างถูกต้องแล้ว เราลดละโลภะโทสะโมหะลง
เราคิดดี พูดจาดี และทำดี เราเลิกขี้โกรธขี้โมโห เราคุยดี ๆ กับลูกได้มากขึ้น
ลูกยอมรับฟังเรามากขึ้น เราเลิกขี้เกียจ เราแบ่งเวลาสอนลูกทำการบ้าน
เราช่วยสอนลูกในเนื้อหาที่เรียนในแต่ละวัน เราช่วยลูกเตรียมสอบ
อย่างนี้ก็มีโอกาสมากขึ้นที่จะทำให้ลูกเรียนได้เกรดดีขึ้น
แต่ถึงแม้เกรดของลูกจะไม่ดีขึ้นก็ตาม ในเมื่อเราลดละความโลภอยากให้ลูกเรียนได้เกรดดีลงได้
ก็ย่อมจะทำให้เราไม่ถูกความทุกข์จากความโลภอยากให้ลูกเรียนได้เกรดดีนั้นมาครอบงำใจ
หรือเราอาจจะพบว่าจริง ๆ แล้ว ลูกเราก็เป็นเด็กดี เป็นเด็กขยันอยู่แล้ว และเกรดก็ใช้ได้แล้ว
แต่ที่ว่าเกรดไม่ดีนั้น เพราะว่าเราเองที่โลภอยากจะให้ได้ดีวิเศษกว่านั้น
หรือว่าที่ลูกไม่สนใจเรียนนั้น เพราะว่าเราโลภ จึงไปกดดันลูกมากเกินไปจนลูกไม่ชอบเรียน
หรือเพราะเราปล่อยปละละเลยไม่ดูแลลูกเท่าที่ควร และทำให้ลูกไปคบอยู่กับเพื่อนไม่ดี เป็นต้น

อย่างปัญหาร่างกายเราเจ็บป่วย การศึกษาและปฏิบัติธรรมก็ไม่ใช่มนต์วิเศษที่จะเสกให้ว่า
อยู่ดี ๆ ร่างกายเราก็หายจากอาการป่วยทั้งปวงเหมือนได้พบกับหมอเทวดาเสกให้หายได้
แต่เมื่อศึกษาและปฏิบัติธรรมอย่างถูกต้องแล้ว เราลดละโลภะโทสะโมหะลง
เราคิดดี พูดจาดี และทำดี เราเลิกขี้โกรธขี้โมโห เรามีเมตตากรุณา
เราเลิกขี้เกียจ ก็หมั่นออกกำลังกายได้มากขึ้น เราไม่โลภไม่หลง ก็รู้จักแบ่งเวลาพักผ่อน
เราไม่โลภ มีสติรู้ทันความอยาก ก็ย่อมลดการทานอาหารที่เป็นโทษหรือไม่จำเป็นลงได้
เรามีความสุขในใจ มีศีลในใจ มีสมาธิจิตใจสงบ ไม่ฟุ้งซ่าน
จิตใจเราก็ผ่อนคลาย ไม่เครียด จิตใจดีก็ช่วยให้ร่างกายก็ดีตามไปด้วย
สิ่งเหล่านี้ก็ช่วยทำให้มีโอกาสมากขึ้นที่ร่างกายเราจะหายป่วย หรืออาการป่วยจะบรรเทาลง
แต่ถึงแม้ร่างกายจะไม่หายป่วยก็ตาม ในเมื่อเราลดละความโลภอยากให้ร่างกายหายป่วยลงได้
ก็ย่อมจะทำให้เราไม่ถูกความทุกข์จากความโลภอยากให้ร่างกายหายป่วยนั้นมาครอบงำใจ

ที่กล่าวมาข้างต้นนั้นเป็นเพียงปัญหาชีวิตบางเรื่องเท่านั้น
แต่ในส่วนของปัญหาชีวิตอื่น ๆ นั้น ก็ทำนองเดียวกันครับ
กล่าวย่อ ๆ ก็คือว่า การศึกษาและปฏิบัติธรรมไม่ใช่มนต์วิเศษ
ที่ทำให้ปัญหาชีวิตเหล่านั้นหายไปเหมือนดังเราใช้ยางลบไปลบรอยเขียนดินสอ
แต่ว่าการศึกษาและปฏิบัติธรรมอย่างถูกต้องนั้น ย่อมช่วยให้เราลดละโลภะโทสะโมหะลง
ช่วยให้เราคิดดี พูดจาดี ทำดี ช่วยให้เราขยัน ช่วยให้เรามีศีล ไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น
ช่วยให้เรามีจิตใจที่เป็นกลางในการที่พิจารณาและแก้ไขปัญหา ฯลฯ
ซึ่งโดยสภาพที่ความประพฤติของเราเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น เป็นกุศลมากขึ้น เพียรมากขึ้น
ลดละเลิกทำสิ่งไม่ดี สิ่งไม่เหมาะสม สิ่งที่เป็นอกุศล
ก็ย่อมจะมีผลช่วยอำนวยให้ปัญหาชีวิตเหล่านั้นได้รับการแก้ไขหรือบรรเทาไปในทางที่ดีขึ้น
ซึ่งแม้ว่าปัญหาชีวิตเหล่านั้นจะไม่สามารถแก้ไขได้ก็ตาม
แต่จิตใจเราก็จะไม่ถูกความทุกข์จากความโลภอยากให้ปัญหาชีวิตนั้นหมดไปนั้นมาครอบงำใจ