Print

เพื่อนธรรมจารี - ฉบับที่ ๑๓๕

เมื่อมีคนกล่าวไม่ดีถึงคนที่เรารัก

ngod-ngamงดงาม
This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.



dharmajaree-135

ในโลกแห่งอินเตอร์เน็ตนั้น ก็มีทั้งด้านที่เป็นกุศลและอกุศลนะครับ
ผมขอหยิบยกในด้านที่เป็นอกุศลมาเรื่องหนึ่ง
ก็คือเรื่องของการด่ากันทางอินเตอร์เน็ต
เช่น กรณีของข่าวการเมืองก็ดี หรือกรณีข่าวดาราทั้งหลายก็ดี
ซึ่งก็เป็นธรรมดาที่จะมีทั้งฝ่ายที่ชอบ และฝ่ายที่ไม่ชอบนะครับ
ในบางทีฝ่ายที่ไม่ชอบนั้นก็จะโพสต์ด่าด้วยถ้อยคำรุนแรงหรือหยาบคายก็มี
ส่วนฝ่ายที่ชอบก็อาจจะด่าฝ่ายที่ไม่ชอบนั้นกลับไปด้วยความรุนแรงไม่น้อยกว่ากัน
และก็นำไปสู่การโต้เถียงและด่ากันไปมา เกิดอกุศลกันทั้งสองฝ่าย

ในคราวนี้เราลองมาพิจารณากันนะครับว่า
หากมีคนอื่นกล่าวไม่ดี หรือด่าคนที่เรารัก คนที่เราชอบแล้ว เราควรจะทำอย่างไร
หากจะลองเปรียบเทียบกับพระธรรมคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว
ขอยกพระสูตรที่ชื่อว่า “พรหมชาลสูตร” มาเล่านะครับ
(จากพระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค)

พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงสอนว่า
“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย คนเหล่าอื่นจะพึงกล่าวติเรา ติพระธรรม หรือติพระสงฆ์ ก็ตาม
เธอทั้งหลายไม่ควรทำความอาฆาต โทมนัส แค้นใจในคนเหล่านั้น

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย คนเหล่าอื่นพึงกล่าวติเรา ติพระธรรม ติพระสงฆ์ก็ตาม
ถ้าเธอทั้งหลายจักขุ่นเคือง หรือจักน้อยใจในคนเหล่านั้น
ด้วยเหตุนั้น อันตรายพึงมีแก่เธอทั้งหลายนี่แหละ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย คนเหล่าอื่นพึงกล่าวติเรา ติพระธรรม หรือติพระสงฆ์ก็ตาม
ถ้าเธอทั้งหลายจักขุ่นเคืองหรือจักน้อยใจในคนเหล่านั้น
เธอทั้งหลายพึงรู้คำที่เป็นสุภาษิต ของคนเหล่าอื่นได้หรือ”

ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า “ข้อนั้นหามิได้พระเจ้าข้า”

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า
“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย คนเหล่าอื่นพึงกล่าวติเรา ติพระธรรม หรือติพระสงฆ์ก็ตาม
ในคำที่เขากล่าวตินั้น คำที่ไม่จริง เธอทั้งหลายควรแก้ให้เห็นโดยความไม่เป็นจริงว่า
นั่นไม่จริง แม้เพราะเหตุนี้ นั่นไม่แท้ แม้เพราะเหตุนี้ แม้ข้อนั่นก็ไม่มีในเราทั้งหลาย
และในเราทั้งหลายก็ไม่มีข้อนั้น

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย คนเหล่าอื่นพึงกล่าวชมเรา ชมพระธรรม หรือชมพระสงฆ์ก็ตาม
เธอทั้งหลายไม่ควรทำความเพลิดเพลินดีใจ เบิกบานใจในคำชมนั้น
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย คนเหล่าอื่นพึงกล่าวชมเรา ชมพระธรรม หรือชมพระสงฆ์ก็ตาม
ถ้าเธอทั้งหลายจักเพลิดเพลิน ดีใจ เบิกบานใจในคำชมนั้น
ด้วยเหตุนั้น อันตรายพึงมีแก่เธอทั้งหลายนี่แหละ

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย คนเหล่าอื่นพึงกล่าวชมเรา ชมพระธรรม หรือชมพระสงฆ์ก็ตาม
ในคำที่เขากล่าวชมนั้น คำที่จริง เธอทั้งหลายควรปฏิญาณให้เห็นโดยความเป็นจริงว่า
นั่นจริง แม้เพราะเหตุนี้ แม้ข้อนั่นก็มีในเราทั้งหลาย และในเราทั้งหลายก็มีข้อนั้น”

ดังนี้ จะเห็นได้ว่าเวลาที่มีใครมากล่าวไม่ดีถึงสิ่งที่เราเคารพรักหรือนับถือก็ตาม
พระผู้มีพระภาคเจ้าท่านไม่ได้ทรงสอนให้เราไปด่าเขากลับ หรือไปด่าเขาตอบนะครับ
แต่พระองค์ทรงสอนให้พิจารณาเสียก่อน หากเขากล่าวว่าด้วยคำที่ไม่จริง
เราก็ควรชี้แจงไปว่าคำนั้นไม่จริง และเพราะเหตุใด
หรือแม้กระทั่งเขาจะชมก็ตาม เราก็ควรพิจารณาเสียก่อน หากเป็นความจริง
เราก็ควรอธิบายให้เห็นตามจริงว่าข้อนั้นเป็นเรื่องจริงเพราะเหตุใด

ฉะนั้นแล้ว จะเห็นได้ว่าการที่มีคนอื่นมาด่าหรือตำหนิคนที่เรารัก หรือเคารพก็ดี
การที่เราจะไปด่าเขากลับ หรือทะเลาะกับเขานั้น ไม่ใช่เป็นหนทางแก้ไขปัญหา
แต่กลับจะเป็นการสร้างปัญหาเพิ่มเติมมากยิ่งขึ้น
ในเมื่อมีคนหนึ่งด่าออกมาด้วยความโกรธอันเป็นการสร้างอกุศลอยู่แล้ว
หากเราไปด่าเขากลับด้วยความโกรธอันเป็นการสร้างอกุศลเพิ่มมากขึ้นไปอีก
แล้วจะเกิดประโยชน์อะไรต่อสังคมนั้น ๆ ในเมื่อต่างฝ่ายมีแต่สร้างอกุศลซึ่งกันและกัน
สังคมที่มีแต่สร้างอกุศล มีแต่โกรธแค้นกัน จะเป็นสังคมที่ดีและมีความสุขได้หรือ

ยกตัวอย่างนะครับ สมมุติว่ามีชายคนหนึ่งมาด่าพ่อแม่เราอย่างหยาบคาย
พอเราได้ฟังคำด่านั้นแล้ว เราก็ไปด่าหยาบคายกลับ หรือไปทะเลาะมีเรื่องกับเขา
ถามว่าการทำเช่นนั้นจะทำให้พ่อแม่เราสบายใจ หรือว่าทุกข์ใจกันแน่
สมมุติว่ามีคนมาด่าเราอย่างหยาบคาย จากนั้น ภรรยาเราก็ไปตบกับคนที่ด่า
หรือสามีเราก็ไปต่อยคนที่ด่า และทำร้ายร่างกายต่อสู้กัน
ถามว่าเราจะมีความสุข หรือเป็นทุกข์กันแน่ และเราต้องการให้เป็นเช่นนั้นหรือไม่
สมมุติว่าพ่อแม่มีลูกสองคน ลูกคนแรกด่าพ่อแม่ ลูกคนที่สองก็ไปด่าทะเลาะกับลูกคนแรก
หรือไปทะเลาะทำร้ายร่างกายกับลูกคนแรก ถามว่าพ่อแม่จะสบายใจ
หรือว่าจะทุกข์ใจที่ลูกทั้งสองคนทะเลาะกัน
และการทะเลาะกันนั้น ทำให้การแก้ไขปัญหาดีขึ้น หรือแย่ลง

ในเรื่องเหล่านี้ บางท่านก็อาจจะทำไปด้วยเจตนาที่ต้องการจะแก้ไขปัญหา
แต่หากจะลองหยุดพิจารณาให้ดีสักนิดหนึ่งแล้ว
ลองถามตัวเองว่า เวรนั้นจะระงับได้ด้วยการจองเวรกระนั้นหรือ
ในทำนองเดียวกัน การด่ากันนั้นจะระงับได้ด้วยการด่าตอบไหม
หรือการด่าตอบนั้นจะทำให้ด่ากันไปด่ากันมาไม่มีจบสิ้น
การด่ากันนั้นเป็นการทำด้วยเมตตาเป็นการสร้างบุญกุศล
หรือการด่ากันนั้นเป็นการทำตามโทสะเป็นการสร้างบาปอกุศล
ทำให้กุศลเกิดงอกงาม หรืออกุศลเกิดงอกงามกันแน่

สรุปแล้ว เมื่อพบเหตุการณ์ที่คนอื่นกล่าวไม่ดีถึงคนที่เรารักหรือเคารพรักแล้ว
ถามตัวเองนะครับว่าเราจะช่วยกันจุดไฟ เพิ่มความร้อน (ตัวเราและคนรอบข้างร้อนไหม)
หรือเราจะช่วยกันดับไฟ ลดความร้อน เราจะช่วยสร้างอกุศล หรือสร้างกุศล
และการแก้ไขปัญหาที่เหมาะสม สร้างกุศล และสอดคล้องกับคุณธรรมนั้น ควรจะทำอย่างไร