Print

เพื่อนธรรมจารี - ฉบับที่ ๑๐๙

ค้นหาเป้าหมายที่มีคุณค่าที่สุด (ตอนที่สอง)

ngod-ngamงดงาม
This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.



dharmajaree109-1
photo by Silawat
http://silawat.multiply.com/photos/album/29/Biking_6-20-06#photo=1

เรามาพิจารณากันต่อจากตอนที่แล้วนะครับ ...
ลองพิจารณาถึงตำแหน่งหน้าที่การงานกันดูบ้าง
การได้เลื่อนตำแหน่งหน้าที่การงานไม่ใช่จะสุขเพียงอย่างเดียว แต่ก็จะมีทุกข์ติดมาด้วย
เพราะต้องรับทราบปัญหา และมีหน้าที่ในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ มากขึ้น
มีความรับผิดชอบมากขึ้น มีความเสี่ยงในการบริหารผิดพลาดมากขึ้น บางคนก็เครียดมากขึ้น
ก็ไม่ใช่ว่าคนที่มีตำแหน่งหน้าที่การงานสูง ๆ แล้วจะมีความสุขเสมอไป
การรักษาตำแหน่งหน้าที่การงานสูง ๆ นั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายดาย ต้องลงทุนลงแรงมาก

ตำแหน่งหน้าที่การงานให้ความสุขอย่างถาวรหรือเปล่า
คนที่เป็นข้าราชการประจำนั้นก็มีโยกย้าย มีเกษียณ มีโดนปลด โดนให้ออก
คนที่เป็นข้าราชการการเมืองก็มีหมดวาระ มีโดนปลด โดนปรับเปลี่ยนตำแหน่ง
คนที่ทำงานบริษัทเอกชนก็มีเกษียณ มีโยกย้าย มีโดนไล่ออก มีบริษัทเจ๊ง
จึงเห็นได้ว่า ตำแหน่งหน้าที่การงานเองก็มีเปลี่ยนแปลงได้ มีสิ้นสุดได้
ก็ย่อมจะไม่สามารถให้ความสุขที่ถาวรแก่เราได้เลย

ตำแหน่งหน้าที่การงานนี้หายากหรือเปล่า
ก็ตอบได้ว่า ตำแหน่งหน้าที่การงานมีเรื่อยมาตั้งแต่สมัยอดีตกาลแล้ว
(หากย้อนยุคไปถึงสมัยที่มนุษย์ยังอยู่เป็นชนเผ่ากันอยู่ ก็ยังมีตำแหน่งหัวหน้าเผ่า)
ในปัจจุบันก็มีเรื่องตำแหน่งหน้าที่การงาน และในอนาคตนั้นก็ยังจะมีอยู่เช่นกัน
ดังนั้นแล้ว ตำแหน่งหน้าที่การงานนั้นไม่ใช่สิ่งที่หายากครับ

มาพิจารณากันต่อในเรื่องแฟน หรือคู่สมรส นะครับ
ถามว่าการมีแฟนทำให้มีความสุขเสมอไปจริงหรือ
จะเห็นได้ว่า บางคนยังไม่มีแฟน ก็ยังต้องกลุ้มใจเรื่องหาแฟนเลย
คนมีแฟนก็ยังกลุ้มใจในเรื่องที่แฟนไม่ดีดังใจ หรือมีความประพฤติบางอย่างไม่ถูกใจ
คนเป็นแฟนกันก็มีทะเลาะเบาะแว้ง กังวลว่าแฟนจะไปแอบมีคนนั้น เป็นกิ๊กกับคนโน้น
การมีแฟนจึงไม่ใช่ว่าจะทำให้มีความสุขเพียงอย่างเดียวเสมอไป

แฟนนั้นเองก็มีแก่ มีเจ็บ มีตาย มีเปลี่ยนนิสัยได้ ... บ้างก็มีเปลี่ยนรสนิยมทางเพศได้
ดังนั้นแล้ว ความสุขจากการมีแฟนจึงไม่ใช่ความสุขที่ถาวร
เรื่องการมีแฟนนี้ก็ไม่ใช่เป็นสิ่งหายากเพราะก็มีเรื่อยมาตั้งแต่ในอดีตจนกระทั่งปัจจุบัน
มีในทุกประเทศ และทุกเมือง และในอนาคตก็ยังจะมีต่อไป
ดังนั้น เรื่องการมีแฟน หรือการมีคู่สมรสนั้นไม่ใช่สิ่งที่หายากครับ

ลองพิจารณาในเรื่อง “การมีลูก” กันบ้างนะครับ
ถามว่า “การมีลูก” ทำให้มีความสุขเสมอไปจริงหรือ
จะเห็นได้ว่า บางคนยังไม่ได้แต่งงาน แต่เผอิญมีลูกเสียก่อน ก็ต้องกลุ้มใจเรื่องการมีลูก
บางคนแต่งงานแล้วอยากมีลูก แต่ยังไม่มีลูก ก็ต้องกลุ้มใจเรื่องว่าอยากมีลูก
บางคนอยากมีลูกชาย แต่ดันไปได้ลูกสาว บางคนอยากมีลูกสาว แต่ดันไปได้ลูกชาย
บางคนอยากมีลูกคนเดียว แต่ดันไปได้ลูกแฝด บางคนถึงขนาดได้แฝดสามก็มี
เลี้ยงลูกสมัยเล็ก ๆ ก็แสนจะลำบาก กว่าจะเลี้ยงจนลูกโต ต้องวิตกกังวลมากมาย
ต้องลงทุนลงแรงเหน็ดเหนื่อยเหลือหลาย การมีลูกจึงไม่ได้ทำให้มีความสุขเสมอไป
แต่เป็นเรื่องที่จะมีความทุกข์ตามติดมาด้วย (เพียงแต่ว่าจะสังเกตเห็นหรือไม่เท่านั้น)

มีญาติธรรมคนหนึ่งเคยกล่าวว่าเธอ “อยากมีลูก เพราะมีลูกแล้วจะทำให้เธอมีความสุข”
ผมถามเธอว่า “สมมุติให้มีลูกนะ แต่ลูกตายตอนอายุหนึ่งขวบเอาไหม” เธอตอบว่า “ไม่เอา”
ถามต่อว่า “ตายตอนอายุสิบขวบ เอาไหม” เธอตอบว่า “ไม่เอา”
ถามต่อว่า “ตายตอนอายุยี่สิบปี เอาไหม” เธอตอบว่า “ไม่เอา”
ถามต่อว่า “ตายตอนอายุสามสิบปี เอาไหม” เธอตอบว่า “ไม่เอา”
ถามต่อว่า “สมมุติว่าลูกไม่ตายเร็ว แต่แขนขาพิการ เอาไหม” เธอตอบว่า “ไม่เอา”
ถามต่อว่า “สมมุติว่าไม่พิการนะ แต่ปัญญาอ่อนเอาไหม” เธอตอบว่า “ไม่เอา”
ถามต่อว่า “สมมุติว่าไม่ปัญญาอ่อนนะ แต่เป็นคนเนรคุณพ่อแม่ ทำร้ายพ่อแม่
เป็นคนไม่ดี และทำร้ายเบียดเบียนคนอื่นจำนวนมากเอาไหม” เธอตอบว่า “ไม่เอา”
ผมจึงสรุปกับเธอว่า “เช่นนี้คงบอกไม่ได้หรอกว่า การมีลูกแล้วจะทำให้เธอมีความสุข”
แต่จะต้องมีลูกที่อายุยืน ไม่พิการ ไม่ปัญญาอ่อน เป็นคนดี (และอื่น ๆ) อีกด้วย
จึงจะทำให้เธอมีความสุข ซึ่งสิ่งทั้งหลายเหล่านี้มีปัจจัยเสี่ยงมากมายเหลือเกิน
และเป็นปัจจัยเสี่ยงที่เธอควบคุมไม่ได้เสียด้วยนะ (... รู้ว่าเสี่ยง แต่ยังต้องขอลอง)

ลูกนั้นเองก็มีแก่ มีเจ็บ มีตายได้ ลูกอาจจะประพฤติเลวหรือเนรคุณได้
ดังนั้นแล้ว ความสุขจาก “การมีลูก” จึงไม่ใช่ความสุขที่ถาวร
“การมีลูก” เป็นสิ่งหายากหรือเปล่า การมีลูกนี้เป็นสิ่งที่มีเรื่อยมาตั้งแต่ในอดีตแล้ว
ปัจจุบันก็มีดาษดื่นทั่วไป มีในทุกประเทศ และทุกเมือง และในอนาคตก็ยังจะมีต่อไป
ดังนั้นแล้ว “การมีลูก” นั้นไม่ใช่สิ่งที่หายาก

มาถึงตรงนี้ ท่านผู้อ่านก็คงจะเข้าใจถึงวิธีการพิจารณาสิ่งต่าง ๆ ดีแล้วล่ะนะครับ
เราจะพิจารณาสิ่งอื่น ๆ กันต่ออีกนิดหน่อย แต่จะพิจารณา “อย่างย่อ ๆ” นะครับ
เราลองมาดูเรื่อง “ความรู้ในศาสตร์ต่าง ๆ” กันบ้าง
คนเรามีความรู้ในศาสตร์ต่าง ๆ ได้ ก็มีลืมได้เช่นกันนะครับ
ความรู้ในศาสตร์ต่าง ๆ ก็ไม่ได้อยู่คงทนถาวรกับเราได้เลย
เคยมีโคลงในภาษาอังกฤษบทหนึ่งนะครับ เขากล่าวไว้ว่า

The more we study, the more we understand.
The more we understand, the more we learn.
The more we learn, the more we know.
The more we know, the more we forget.
So, why study?

ผมขอข้ามเรื่องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย หรือคำตอบสำหรับโคลงบทนี้ไปนะครับ
แต่เราจะเห็นได้ว่า ความรู้ในศาสตร์ต่าง ๆ นั้นสามารถลืมกันได้
แถมความรู้ในศาสตร์บางเรื่องก็ล้าสมัยได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย
ดังนั้นแล้ว ความรู้ในศาสตร์ต่าง ๆ ก็ไม่สามารถให้ความสุขที่ถาวรได้

เราลองพิจารณาเรื่อง “อุปกรณ์เทคโนโลยี” กันบ้าง
เวลาเราได้อุปกรณ์เทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ทันสมัยมา เราก็มีความสุขนะครับ
เช่น โทรศัพท์มือถือ หรือเครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค เป็นต้น
แต่ว่าอุปกรณ์เทคโนโลยีเหล่านี้ ใช้ไปได้ไม่นาน ก็มีรุ่นใหม่กว่า ดีกว่า ทันสมัยออกมาแล้ว
แถมยังอาจจะราคาถูกกว่ารุ่นที่เราซื้อมาเสียอีก และเราใช้ไปเรื่อย ๆ มันก็มีพังมีเสียได้นะ
ดังนั้นแล้ว อุปกรณ์เทคโนโลยีก็ไม่สามารถให้ความสุขที่ถาวรได้

ลองพิจารณาเรื่อง “การทานอาหารอร่อย ๆ” ดูบ้าง (ซึ่งหลาย ๆ ท่านคงจะชอบนะครับ)
ลองพิจารณาให้ดีนะครับว่า เวลาที่เราได้ทานอาหารอร่อย ๆ สักอย่างหนึ่ง
เราสามารถเก็บความอร่อยนั้นไว้กับตัวเราได้ไหม หรือเก็บไว้ได้นานเท่าไร
ทานไปคำแรกหนึ่งคำ อร่อยในปากอยู่แค่ชั่วครู่เดียว อร่อยนั้นก็หายไปแล้ว
เราต้องตักอาหารคำใหม่ใส่ปาก เพื่อให้อร่อยเกิดขึ้นมาใหม่อีก
และพอเราตักทานไปเรื่อย ๆ แล้ว อร่อยนั้นก็ลดน้อยลงเรื่อย ๆ เสียด้วย
เช่นนี้แล้ว “การทานอาหารอร่อย” ก็ไม่สามารถให้ความสุขที่ถาวรแก่เราได้

ในเรื่อง “ความอร่อยของอาหาร” นี้ หากเราพิจารณาแล้ว
ก็จะเห็นได้ว่า ขนาดว่าความอร่อยของอาหารที่กำลังอยู่ในปากเราเองนั้น
เรายังไม่สามารถเก็บความอร่อยนั้นไว้ได้เลย สิ่งนั้นยังเป็นสิ่งที่อยู่ชั่วคราวเลย
แล้วเราจะไปเก็บไปถือสิ่งนอกกายอื่น ๆ ทั้งหลายไว้ให้ถาวรและว่าเป็นของเราได้อย่างไร

หากเราลองพิจารณาในเรื่อง “การไปเที่ยวสถานที่ต่าง ๆ” ก็จะเป็นทำนองเดียวกัน
เวลาที่เราได้ไปเที่ยวได้ไปเห็นสถานที่สวยงามแปลกตานั้น
ลองถามตัวเองว่า ความสุขที่ได้จากการได้ไปเที่ยวนั้น คงอยู่ทนถาวรหรือไม่
ก็จะทราบได้ว่า ความสุขที่เราได้ไปเที่ยวไปเห็นสถานที่สวยงามเมื่อแรกเห็นนั้น
ไม่ได้คงอยู่กับเราอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องตลอดการเดินทางเลย
แต่มีความสุขมากเมื่อแรกเห็น และความสุขก็ลดลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งกลับมาถึงบ้าน
ถึงบ้านแล้ว ความสุขก็เหลือน้อยลง พอเวลาผ่านไปนานเข้า ก็ต้องหาเรื่องไปเที่ยวใหม่อีก
เพื่อจะสร้างความสุขจากการไปเที่ยวในสถานที่ต่าง ๆ ขึ้นมาใหม่อีก
ดังนี้แล้ว “การไปเที่ยวสถานที่ต่าง ๆ” ก็ไม่สามารถจะสร้างความสุขที่ถาวรให้แก่เราได้

ลองพิจารณาในเรื่อง “การเป็นกษัตริย์ปกครองประเทศ” กันดูบ้าง
ซึ่งดูเหมือนว่า หากใครได้เป็นกษัตริย์แล้ว ก็น่าจะมีความสุขมาก
แต่หากดูภาพยนตร์ประวัติศาสตร์หรือสงครามต่าง ๆ แล้วก็จะเห็นได้ว่า
เป็นกษัตริย์ปกครองประเทศก็ไม่ได้แปลว่าจะมีความสุขเพียงอย่างเดียวเสมอไป
เพราะมีภาระหน้าที่ต้องรับผิดชอบดูแลปกครองประเทศ ต้องดูแลประชาชนมากมาย
นอกจากนี้ ในภาพยนตร์ก็ยังมีให้เห็นในเรื่องของการแย่งชิงหรือโค่นราชบัลลังก์
หรือการแย่งชิงประเทศโดยอริราชศัตรูยกกองทัพมาแย่งชิง และต้องรบกันวุ่นวาย
เป็นกษัตริย์แล้วก็ยังโดนกบฏชิงบัลลังก์ไปได้ หรือโดนศัตรูมารบชิงเมืองไปได้
ดังนี้แล้ว “การได้เป็นกษัตริย์” ก็ไม่สามารถจะสร้างความสุขที่ถาวรได้

เรามาพิจารณาถึงเรื่อง “การทำทาน” “การถือศีล” และ “การออกบวช” ดูบ้าง
จะเห็นได้ว่าการการทำทาน การถือศีล และการออกบวชเป็นนักบวชนั้น
ก็มีเรื่อยมาตั้งแต่สมัยอดีตโบราณแล้ว มีมากมายในปัจจุบัน และในอนาคตก็จะมีอยู่
และก็มีในทุกประเทศ ทุกเมือง และมีในทุกศาสนา
ดังนั้น ทั้งสามเรื่องนี้ ก็ไม่ใช่สิ่งที่หายากครับ

จะเห็นได้ว่า เราได้พิจารณามาหลายอย่างแล้ว แต่ก็ไม่เห็นว่าจะมีสิ่งไหน
ที่จะผ่านเกณฑ์ทั้งสามข้อที่ผมได้เสนอให้พิจารณาไว้ในตอนที่แล้วสักอย่างเลย
ในขณะนี้ ผมขอเสนอให้พิจารณาสิ่งสุดท้ายนะครับ ซึ่งก็คือ
“ธรรมะของพระพุทธเจ้าที่สามารถทำให้เราข้ามพ้นจากสังสารวัฏได้”
หรือจะขอเรียกสั้น ๆ ว่า “อริยสัจสี่” ซึ่งเป็นธรรมะที่ทำให้เราไปถึงพระนิพพานได้
(แล้วจะมาคุยกันต่อในตอนหน้าครับ)