Print

เพื่อนธรรมจารี - ฉบับที่ ๑๐๕

มองแค่เพียงชีวิตนี้ไม่เพียงพอหรือ?

ngod-ngamงดงาม
This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

 


105
“photo by Silawat”

ในตอนที่แล้วเราคุยกันถึงเรื่องการมองกันให้ยาว ๆ ให้ตลอดสังสารวัฏนะครับ
ถามว่าทำไมจะต้องมองให้ยาว ๆ ตลอดสังสารวัฏด้วย
เรามองแค่เพียงชีวิตนี้ชีวิตเดียวไม่เพียงพอหรือ?

ขอยกตัวอย่างนะครับว่า สมมุติว่าเช้าวันนี้ เราตื่นขึ้นมาแล้ว
เราพิจารณาว่า ในวันนี้เราจะทำอะไรกันดี เพื่อให้ได้สิ่งที่ดีที่สุดคุ้มค่าที่สุด
โดยเราจะพิจารณาเพียงแค่วันนี้วันเดียวเท่านั้น
แต่จะไม่พิจารณาคำนึงถึงสิ่งที่เคยทำมาเมื่อวานนี้และในวันก่อน ๆ หน้าเลย
และจะไม่พิจารณาคำนึงถึงผลที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้และในวันต่อ ๆ ไปเลย
เราลองพิจารณากันนะครับว่าพิจารณาเพียงแค่วันนี้วันเดียวจะเพียงพอหรือไม่

หากเราพิจารณาเพียงแค่วันนี้วันเดียวเท่านั้น
และไม่พิจารณาวันอื่น ๆ ในอดีตและวันอื่น ๆ ในอนาคตประกอบด้วยเลย
สิ่งที่เราทำในวันนี้และคิดว่าดีที่สุด คุ้มค่าที่สุดแล้วนั้น
อาจจะเป็นเพียงสิ่งที่เคยทำมาซ้ำ ๆ หลายครั้งแล้วในวันก่อน ๆ ที่ผ่านมา
และก็เคยได้ข้อสรุปกับตัวเองในอดีตแล้วว่าสิ่งเหล่านั้นไม่ได้เป็นประโยชน์แท้จริงเลย
และไม่ควรที่จะทำอีกด้วย (ทำนองว่า จ้างให้เท่าไร ก็ไม่อยากจะทำอีกแล้ว)
แต่ด้วยความที่เรามองวันนี้เพียงแค่วันเดียว เราจึงลืมประสบการณ์ทั้งหลายที่ผ่านมาในอดีต
เราจึงยังหลงไปทำสิ่งเดิม ๆ ที่ไร้สาระ และไม่ได้ประโยชน์แท้จริงเหล่านั้นอีก
อันเป็นการเสียเวลาตนเอง และเสียโอกาสตนเองที่จะได้ไปทำสิ่งที่ดีกว่า มีคุณค่ากว่า

ยกตัวอย่างว่า เมื่อวานนี้เราได้ทำความสะอาดบ้าน และล้างรถแล้ว
หากเราตื่นเช้ามาในวันนี้ และเราไม่คำนึงถึงเรื่องเมื่อวานนี้แล้ว
เราก็อาจจะนำเวลาส่วนหนึ่งในวันนี้ของเราไปทำความสะอาดบ้าน และล้างรถอีก
ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นต้องทำเลย เพราะเพิ่งทำไปเมื่อวานนี้เอง

ยกตัวอย่างอีกว่า เมื่อวานนี้เราอาจจะไปทานอาหารที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง
ซึ่งอาหารไม่อร่อยเลย ราคาแพง แถมสกปรกอีกด้วย
แถมพอเราไปให้ความเห็นแนะนำกับทางร้าน เราก็โดนพนักงานด่าเรากลับมาอีกนั่น
หากวันนี้เราไม่ได้คำนึงถึงสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วเหล่านั้นในอดีตเลย
ในวันนี้เราก็อาจจะไปทานอาหารร้านเดิมนั้นก็ได้

หรือกรณีอาจจะเป็นได้ว่า ในหลาย ๆ วันก่อนนั้น เราได้ทุ่มเทลงทุนทำอะไรไปมากมาย
เพื่อที่วันนี้เราจะได้ทำอะไรสักอย่างหนึ่ง อันเป็นการสืบเนื่องจากการลงทุนทำเหล่านั้น
แต่หากเราพิจารณาเพียงวันนี้วันเดียวแล้ว เราก็อาจจะไม่ได้ทำอะไรอันเป็นการสืบเนื่องต่อ
จากการลงทุนนั้น และเพื่อเก็บเกี่ยวผลจากการลงทุนในอดีตนั้น

ยกตัวอย่างว่า เราเก็บเงินมาหลายเดือน และจองที่พักและตั๋วเดินทางไว้เพื่อที่ว่า
วันนี้เราจะพาครอบครัว หรือพ่อแม่เดินทางไปเที่ยวสถานที่แห่งหนึ่ง
พอถึงวันเดินทางแล้ว หากเราไม่คำนึงถึงสิ่งต่าง ๆ ที่ได้ทำมาในอดีตเพื่อการนี้แล้ว
ในวันนี้ เราก็อาจจะไปเดินซื้อของไร้สาระและหมดเงินไปกับสิ่งนั้น ๆ
โดยไม่ได้ผลคุ้มค่าดังที่ได้ตั้งใจและลงทุนทำไว้มากมายในอดีตเลยก็ได้

ยกอีกตัวอย่างหนึ่งว่า เราจองเป็นเจ้าภาพงานกฐินที่วัดแห่งหนึ่งไว้
เรานัดญาติธรรมมากมาย และลงทุนเตรียมงานและสิ่งของทุกอย่างไว้พร้อมแล้ว
รอเพียงว่าวันนี้เราจะไปร่วมงานกฐิน และดำเนินพิธีการให้เสร็จสมบูรณ์เท่านั้น
หากวันนี้เราตื่นขึ้นมาแล้วเราไม่คำนึงถึงทุกสิ่งทั้งหลายที่ได้ทำไปเมื่อวานนี้และในอดีต
เราก็อาจจะไม่ได้ไปงานกฐินในวันนี้ และเราอาจจะไปเสียเวลาทำอะไรไร้สาระก็ได้

เราจึงจะเห็นได้นะครับว่า ในการพิจารณาว่าวันนี้เราจะทำอะไรที่สำคัญที่สุด
เราก็ควรจะต้องพิจารณาคำนึงถึงวันก่อน ๆ ในอดีตว่าเราได้ทำอะไรมาประกอบด้วย

ในอีกทางหนึ่ง เราเองก็ต้องคำนึงถึงวันข้างหน้าในอนาคตประกอบด้วย
หากเรามองเพียงวันก่อน ๆ ในอดีต และมองวันนี้ โดยไม่คำนึงถึงวันหน้าในอนาคตแล้ว
สิ่งที่เราทำในวันนี้และคิดว่าดีที่สุดนั้น
อาจจะเป็นสิ่งที่ไม่คุ้มค่า และไม่เป็นประโยชน์เลย
และอาจจะเป็นสิ่งที่ให้ผลร้ายอย่างมากมายในอนาคตด้วยก็ได้

ยกตัวอย่างเช่นว่า มีใครสักคนมาทำให้เราโกรธและไม่พอใจอย่างมาก
และเราไปทำร้ายเขาหรือไปฆ่าเขา เพื่อสนองความโกรธและไม่พอใจนั้น
ต่อมาเราก็ต้องไปติดคุกตลอดชีวิต หรือกระทั่งอาจจะโดนประหารชีวิต
หรือยกตัวอย่างว่า เราดื่มสุราจนเมามาย และขับรถกลับบ้าน
ระหว่างทางเกิดอุบัติเหตุ ทำให้คนอื่นพิการ หรือเสียชีวิต
หรือทำให้ตนเองหรือคนในครอบครัวพิการหรือเสียชีวิต เป็นต้น
ก็จะเห็นได้นะครับว่า เราทำอะไรตามใจอยากเพียงชั่วครู่ไม่นาน
แต่ผลร้ายที่เกิดขึ้นในอนาคตนั้น อาจจะให้ผลเสียหายร้ายแรงได้

นอกจากนี้ หากเราไม่พิจารณาถึงวันหน้าในอนาคตแล้ว
สิ่งใด ๆ ที่เราคิดว่าดีที่สุดสำคัญที่สุดที่ควรทำในวันนี้นั้น
แท้จริงแล้ว สิ่งนั้นอาจจะเป็นสิ่งที่ควรทำในวันหน้าในอนาคตก็ได้
เพราะโอกาสข้างหน้าในอนาคตก็ยังมีอยู่
แต่วันนี้เราอาจจะควรทำสิ่งอื่นที่สำคัญกว่าเสียก่อน

ยกตัวอย่างว่า สมมุติเราต้องเลือกว่าจะไปร่วมงานศพของเพื่อนคนหนึ่ง
หรือไปร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของเพื่อนอีกคนหนึ่ง ซึ่งทั้งสองงานจัดห่างไกลกันมาก
โดยสมมุติด้วยว่าเพื่อนทั้งสองคนนั้นมีความสำคัญต่อเราเท่า ๆ กัน
หากเราพิจารณาเพียงว่าวันนี้มีวันเดียวแล้ว ก็คงเลือกตัดสินใจได้ยาก
แต่หากคิดว่าเพื่อนคนแรกตายในชีวิตนี้แค่หนเดียวและคงไม่มีงานศพหนที่สองในชีวิตนี้
ในขณะที่เราอาจจะมีโอกาสไปงานวันเกิดของเพื่อนคนที่สองอยู่อีกในวันหน้าในอนาคต
เช่นนี้ ก็อาจจะทำให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าควรจะไปร่วมงานไหน

เราจึงจะเห็นได้นะครับว่า ในการพิจารณาว่าวันนี้เราควรจะทำอะไรที่สำคัญที่สุดนั้น
เราก็ควรจะต้องพิจารณาถึงวันหน้าในอนาคต ประกอบด้วยเช่นกันว่า
เราทำวันนี้เช่นนี้แล้ว จะเกิดผลอะไรในวันหน้าบ้าง และสิ่งที่เราจะทำในวันนี้นั้น
เป็นสิ่งที่จะต้องทำในวันนี้เท่านั้น หรือเป็นสิ่งที่ยังรอทำในวันหน้าได้

หากเราเห็นตรงกันว่า ในการพิจารณาสิ่งสำคัญที่ควรจะทำในวันนี้ควรจะคำนึงถึง
วันก่อน ๆ ในอดีต และวันหน้าในอนาคตมาพิจารณาประกอบด้วย
โดยพิจารณาเพียงแค่วันนี้วันเดียวยังไม่เพียงพอแล้วนะครับ
ฉันใดก็ฉันนั้น ... หากเราพิจารณาสิ่งสำคัญที่สุดหรือมีคุณค่าที่สุดที่ควรจะทำในชีวิตนี้
โดยจะพิจารณาเพียงชีวิตนี้ชีวิตเดียว โดยไม่คำนึงถึงชีวิตในอดีต และชีวิตในอนาคตเลย
ก็ย่อมจะเป็นการพิจารณาที่คับแคบ และสั้นเกินไปครับ

บางท่านอาจจะบอกว่าเราไม่มีญานวิเศษที่จะระลึกชาติในอดีต
และเราก็ไม่มีญานวิเศษที่จะรู้เห็นชีวิตในอนาคต
ก็ขอเรียนว่าเราพอจะสามารถพิจารณากันได้ครับ
โดยไม่จำเป็นต้องมีญานวิเศษอะไรเหล่านั้นเลย
(แล้วจะมาคุยต่อในคราวหน้าครับ)