Print

เพื่อนธรรมจารี - ฉบับที่ ๑๐๒

เพื่อนธรรมจารี (Friend of Dhammacārī)
ngod-ngamโดย งดงาม
This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.



อะไรสำคัญที่สุดในชีวิตของคนเรา

friend_102_01


คุณเคยคิดบ้างไหมครับว่า อะไรสำคัญที่สุดในชีวิตของคุณ???

ผมตั้งคำถามเปิดแบบนี้ ก็อาจจะทำให้คุณนึกถึงหลายอย่างมาก ๆ และยังหาคำตอบสุดท้ายไม่ได้
แต่หากคุณสามารถตอบได้ในขณะนี้ ก็ขอให้ตอบได้เลย และจำคำตอบไว้ด้วยนะครับ
สำหรับท่านที่ยังนึกคำตอบไม่ออก ผมจะลองเปลี่ยนคำถามใหม่นะ

สมมุติว่าคุณเป็นเทวดาที่กำลังจะหมดบุญ และกำลังจะลงมาเกิดเป็นมนุษย์
ท้าวสักกะเทวราชให้คุณขอพรได้หนึ่งข้อว่า

เมื่อคุณมาเกิดเป็นมนุษย์แล้ว จะให้มีสิ่งหนึ่งติดตัวมาด้วย
คุณจะขออะไรดี
??? (คำถามนี้อาจจะง่ายขึ้นแล้ว)

ยกตัวอย่างนะครับ ขอให้มีฐานะดี ตำแหน่งดี ชื่อเสียงเกียรติยศดี รูปร่างดี หน้าตาดี
ผิวพรรณดี สุขภาพดี พ่อแม่ดี ชาติตระกูลดี คู่สมรสดี บุตรดี ครูบาอาจารย์ดี ฯลฯ
สารพัดให้เลือก ... ลองนึกนะครับว่าคุณจะขออะไร

คิดว่าคุณคงพอจะได้คำตอบหรือตัวเลือกบางตัวในใจบ้างแล้ว
ผมก็ไม่ทราบหรอกนะครับว่าคุณจะขออะไร
แต่สมมุติว่าคุณเกิดมาแล้วได้ดีทุกอย่างที่กล่าวเลย
โดยมีฐานะดี ตำแหน่งดี ชื่อเสียงเกียรติยศดี รูปร่างดี หน้าตาดี ผิวพรรณดี
สุขภาพดี พ่อแม่ดี ชาติตระกูลดี คู่สมรสดี บุตรดี ครูบาอาจารย์ดี ทุกอย่างดีหมดเลย
แต่เสียแค่เพียงอย่างเดียว คือ คุณ “ปัญญาอ่อน”

หากคุณเพียงแค่ “ปัญญาอ่อน” เสียอย่างเดียวแล้ว
ต่อให้สิ่งทั้งหลายรอบตัวคุณจะดีแสนดีไปหมดทุกอย่างก็ตาม
คุณก็ไม่สามารถจะใช้ประโยชน์ใด ๆ จากสิ่งดี ๆ ทั้งหลายเหล่านั้นได้เลย


ทีนี้หากผมสมมุติว่าให้คุณมี “ปัญญาดี” ด้วยเลยนะ
แต่ว่าคุณขาดอยู่เพียงอย่างเดียว คือคุณไม่มี “สัมมาทิฏฐิ”

“สัมมาทิฏฐิ” ก็แปลได้ว่า ปัญญาอันเห็นชอบ
หากเข้าใจยาก ผมจะขอแปลอีกแบบว่าคือ ความเห็นในทางที่ชอบที่ควร

หากคุณมีดีพร้อมทุกอย่างเลย และมีปัญญาดีด้วยแล้ว
แต่ขาดเสียซึ่งสัมมาทิฏฐิเพียงอย่างเดียว
สิ่งทั้งหลายทั้งปวงที่คุณมีดีพร้อมนั้น
จะเป็นไปเพื่อสนอง “มิจฉาทิฏฐิ” ในตัวคุณเองเท่านั้น
(“มิจฉาทิฏฐิ” ก็แปลไปในทางตรงกันข้าม คือ ความเห็นในทางที่ผิดที่ไม่ควร)

หากปราศจากเสียซึ่ง “สัมมาทิฏฐิ” ในตัวคุณแล้ว
สิ่งดี ๆ ทั้งหลายที่คุณมีก็จะเป็นไปเพื่อการสร้างบาปสร้างเวรกรรมให้แก่ตนเองเท่านั้น
เช่น คุณมีมือเท้าดี ก็จะนำไปตบตีทำร้ายคนอื่น หรือฆ่าสัตว์
คุณมีตำแหน่งสูง ก็จะไปคอรัปชั่นหรือกลั่นแกล้งคนอื่น
คุณมีความรู้ดี ก็จะไปโกงคนอื่น คุณมีรูปร่างหน้าตาดี ก็จะไปผิดลูกเมียคนอื่นเขา
คุณมีฐานะดี ก็จะใช้เงินที่มีนั้นไปเบียดเบียนคนอื่น หรือดื่มสุรา เล่นการพนัน เป็นต้น
และท้ายที่สุดแล้ว คุณก็จะต้องรับผลแห่งกรรมไม่ดีทั้งหลายที่คุณได้ทำนั้นอย่างเนิ่นนานในอนาคตกาล
ซึ่งที่คุณมีความสามารถไปทำกรรมไม่ดีทั้งหลายนั้นได้
ก็เพราะว่าคุณมีสิ่งดี ๆ เยอะ แต่ว่าขาดเสียซึ่ง “สัมมาทิฏฐิ”
นั่นเอง
ผมจึงเห็นว่า “สัมมาทิฏฐิ” นี้แหละ เป็นคำตอบของคำถามแรก เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของคนเรา
และเป็นคำตอบของคำถามที่สอง ซึ่งเทวดาในคำถามนั้นควรจะขอต่อท้าวสักกะเทวราช

หากคุณบางคนยังไม่เชื่อ ผมจะขอเปลี่ยนคำถามใหม่
สมมุติว่าคุณอยู่ที่กรุงเทพฯ และต้องการจะเดินทางไปไหว้อัฐิคุณพ่อของคุณที่วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดชลบุรี
ผมให้คุณเลือกว่าอะไรเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการจะเดินทางไปนี้
ยกตัวอย่างให้เลือกนะ ให้อากาศดี ฝนไม่ตก ให้มีรถยนต์ดี ให้มีถนนดี ให้มีเพื่อนร่วมทางที่ดี
ให้มีเงินในกระเป๋าเยอะ ๆ ให้มีน้ำมันเพียงพอ ให้มีสุขภาพร่างกายดี ฯลฯ
ผมก็จะให้คุณมีดีทุกอย่างที่กล่าวมาทั้งหมดเลยนะ
แต่ขอแค่คุณไม่มีอย่างเดียวก็คือ คุณไม่มี “ทิศทางไปที่ถูกต้อง”

หากคุณมีดีทุกอย่าง แต่ไปกลับเดินไปผิดทาง เช่น ขับรถมุ่งไปเหนือ หรือขับรถพุ่งลงใต้แล้ว
คุณจะไปถึงจังหวัดชลบุรีได้หรือเปล่า ก็คงต้องตอบว่า “ไม่ถึง”
และที่แย่กว่านั้น ก็คือ หากรถยนต์ยิ่งดี ถนนยิ่งดี น้ำมันยิ่งเยอะ
ก็จะยิ่งพาคุณออกไปไกลห่างจากจังหวัดชลบุรีได้เร็วและได้มากขึ้นเท่านั้น
และเมื่อคุณรู้ตัวขึ้นมาว่าไปผิดทางแล้ว
คุณจะต้องใช้ความพยายามและเวลาที่มากขึ้น
ในการที่จะต้องกลับมาอยู่ที่จุดเดิมและในเส้นทางที่ถูกต้อง

เพราะฉะนั้นแล้ว จะเห็นได้ว่าการที่เรามีอะไรหลายอย่างดี ๆ นั้น ไม่ใช่ว่าจะต้องเป็นคุณประโยชน์เสมอไป
หากแต่เราไม่มี “สัมมาทิฏฐิ” ที่จะใช้สิ่งใด ๆ เหล่านั้นให้เป็นคุณแก่ตัวเราเองได้แล้วนะ
สู้เรายอมว่าไม่มีสิ่งดี ๆ เหล่านั้นเลยจะดีกว่า
หรือเรียกง่าย ๆ ว่ายอมเป็นคนปัญญาอ่อนและให้นอนอัมพาตขยับไม่ได้อีกด้วย ยังจะดีเสียกว่า
เพราะอย่างน้อยก็ไม่ได้ไปสร้างเวรสร้างกรรมไม่ดีอะไรที่จะเป็นโทษแก่ตนเองต่อไปในอนาคตกาล
ก็เรียกว่าไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่ติดลบ ก็เพียงแค่ “เสมอตัว” เท่านั้น
แต่หากปัญหาดี ขยับได้ และไปทำสิ่งที่เป็นบาปกรรมและเป็นโทษกับตัวเองแล้ว เท่ากับ “ติดลบ”

หากเปรียบเป็นการเดินทางแล้ว หากจะต้องเดินทางไป “ผิดทิศทาง” แล้ว
สู้ยอมอยู่กับที่ยังจะดีเสียกว่า
ยอมให้รถเสีย น้ำมันหมด ถนนไม่ดี ฯลฯ ก็ยังจะดีกว่า
เพราะอย่างน้อยก็ไม่ได้วิ่งห่างจากจุดหมายไปมากกว่าเดิม

ทิศทางที่จะเดินทางไปนั้น มีความสำคัญที่สุดฉันใด
สัมมาทิฏฐิก็มีความสำคัญที่สุดฉันนั้น
ไม่เช่นนั้นแล้ว ก็ขออยู่เฉย ๆ ทั้งชีวิตจะดีกว่า เพราะหากคุณกำลังถือ “มิจฉาทิฏฐิ” แล้ว
ไม่ว่าจะคิด จะพูด จะทำอะไรก็แล้วแต่ ก็จะเป็นไปเพื่อโทษแก่ตัวเองทั้งสิ้นครับ