Print

เพื่อนธรรมจารี - ฉบับที่ ๔๕๒

ngodngam1 

 งดงาม

  This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

 

 

 

 

ปัญหางานแต่งงาน

 

 

dhammajaree452

 

 

ในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ที่ผ่านมา
บางท่านอาจจะได้เห็นข่าวเรื่องงานแต่งงานงานหนึ่ง
ที่เจ้าบ่าวล้มเลิกงานแต่งงานเพราะเหตุว่าเจอกั้นประตูเงินประตูทอง ๑๓ ด่าน
โดยเนื้อหาข่าวเล่าว่า ในเว็บบอร์ดแห่งหนึ่งได้มีคนมาโพสต์ขอปรึกษา
เรื่องพิธีแต่งงานของพี่สาวที่ถูกเจ้าบ่าวล้มเลิกงานแต่งงานและนำสินสอดกลับ
เพราะเหตุว่าภายในงานแต่งได้มีการกั้นประตูเงินประตูทองทั้งหมด ๑๓ ด่าน
จนทำให้เจ้าบ่าวไม่พอใจ และโวยวายว่า ถ้ายืนดักขนาดนี้ ก็ไม่แต่งแล้ว
อนึ่ง ถ้าอ่านข่าวจากบางเว็บไซต์จะเล่าว่านอกจาก ๑๓ ด่านนั้นแล้ว
ยังมีด่านเด็กอีก ๒ ด่านด้วย

เจ้าของโพสต์เล่าว่า ตนเองได้เตือนพี่สาวแล้ว แต่พี่สาวบอกว่าเพื่อนกันทั้งนั้น
และเพื่อนเจ้าสาวรู้ว่าเจ้าบ่าวเป็นคนมีฐานะ จึงมีด่านประตูเงินประตูทองเยอะมาก
โดยในช่วงที่เจ้าบ่าวมาบ้านเจ้าสาว ได้มีการกั้นประตูเงินประตูทองหลายด่านมาก
ซึ่งเมื่อเจ้าบ่าวผ่านมาประมาณสัก ๕ ด่าน ฝนก็ตก และทุกคนเริ่มเปียก
ในเต็นท์คนเยอะจนล้น เจ้าบ่าวพูดว่า ถ้ามายืนดักกันขนาดนี้ ไม่แต่งแล้ว
จากนั้น เจ้าบ่าวก็คว้ากล่องสินสอดและถุงใส่เงินแล้วจากไป
ทางฝ่ายเจ้าสาวก็เสียใจ และขายหน้ามาก โดยเจ้าสาวได้แจ้งให้เจ้าบ่าวมาเคลียร์
แต่เจ้าบ่าวเงียบ มีแต่พ่อแม่เจ้าบ่าวที่ออกมาขอโทษ
ทางเจ้าของโพสต์ได้แนะนำให้พี่สาวแจ้งความ
แต่พี่สาวไม่เห็นด้วย เพราะเกรงว่าจะเสียความสัมพันธ์กับเจ้าบ่าว

ในบรรดาชาวเน็ตทั้งหลาย ก็มีการให้ความเห็นที่หลากหลาย
โดยเห็นใจกันทั้งฝ่ายเจ้าบ่าวและเจ้าสาว
ซึ่งก็มีหลายความเห็นที่เข้าใจหัวอกเจ้าบ่าว
และเล่าว่าระยะหลัง ๆ มานี้ เห็นบ่อยมากว่า กว่าเจ้าบ่าวจะผ่านขั้นตอนนี้ได้
ใช้เวลานานมาก และเกินงามเกินพอดี
นอกจากนี้ บางท่านก็ให้ความเห็นว่า ดีแล้วที่ยังไม่ได้แต่งงานกัน
เพราะไม่เช่นนั้น ชีวิตคู่ก็น่าจะมีปัญหาและก็คงจะต้องเลิกรากันไปอยู่ดี
https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000015297
https://www.dailynews.co.th/news/3187967/

ในเรื่องนี้ ก็เป็นที่น่าเห็นใจทุกฝ่ายนะครับ
แต่กรณีก็ควรจะถือเป็นอุทาหรณ์ให้ท่านอื่น ๆ ที่กำลังจะแต่งงานก็ดี
หรือท่านอื่น ๆ ที่จะไปช่วย หรือไปร่วมงานแต่งงานก็ดี
ได้พึงระมัดระวังไว้ว่า ในการจัดงานแต่งงานนั้น
ควรจะปรึกษาหารือรายละเอียดกันทั้งสองฝ่ายให้เข้าใจและเห็นตรงกันก่อน
หากมีเรื่องใดที่อาจจะไม่ได้ปรึกษากัน ก็ควรคำนึงถึงความพอดี
ไม่ใช่จะเอาแต่เล่นสนุกจนเกินพอดี ซึ่งก็จะทำให้เกิดปัญหาได้

จริง ๆ แล้ว ถ้าจะลองไล่เรียงเรื่องราวกัน
การที่จะกั้นประตูเงินประตูทองทั้งหมด ๑๓ ด่าน
ก็สามารถทำได้นะครับ เพียงแต่ฝ่ายเจ้าสาวควรต้องหารือฝ่ายเจ้าบ่าวก่อนว่า
ฝ่ายเจ้าบ่าวเห็นด้วยหรือไม่ เพราะเจ้าบ่าวก็ต้องเตรียมตัวฝ่ายเขาด้วย
โดยจะต้องเตรียมเงินและซองมาให้เพียงพอล่วงหน้า เพื่อผ่านด่านแต่ละด่าน
ซึ่งหากเจ้าบ่าวไม่ได้เตรียมเงินและซองมาเพียงพอ
เพราะคาดว่าโดยปกติก็น่าจะมีแค่ ๓ หรือ ๔ ด่านอย่างมาก
ก็จะกลายเป็นปัญหาของฝ่ายเจ้าบ่าวขึ้นมาทันที
ที่จะต้องมาหาเงินใส่ซองในระหว่างเดินขบวนขันหมาก
ซึ่งก็ย่อมจะไม่สะดวกที่จะทำเช่นนั้น

นอกจากนี้ ฝ่ายเจ้าบ่าวและเจ้าสาวก็ควรต้องคำนวณด้วยว่า
การที่จะผ่านด่านทั้งหมด ๑๓ ด่าน จะต้องใช้เวลาเท่าไร
เพราะควรต้องคำนึงถึงแขกผู้ใหญ่ที่มารอ
รวมถึงแขกต่าง ๆ ที่ไปร่วมอยู่ในขบวนขันหมากด้วย
โดยต้องพิจารณาถึงสภาพอากาศด้วย เช่น ฝนตกไหม อากาศร้อนไหม
ซึ่งสภาพอากาศประเทศไทยก็คงทราบนะครับว่า ร้อนมาก
จึงควรต้องเห็นใจแขกที่ไปร่วมยืนในขบวนขันหมากนอกอาคารด้วยว่า
แขกที่มาร่วมงานจะเป็นอย่างไรบ้าง
ยิ่งแขกบางคนไม่ได้ยืนเฉย ๆ นะครับ
อาจจะต้องช่วยถือพาน หรือถือของหนักด้วย จะยิ่งลำบากมาก
สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่คนจัดงานและคนกั้นด่านจะต้องคำนึงถึงด้วยครับ
ไม่เช่นนั้นแล้ว คนกั้นด่านอาจจะยืนคุยเฮฮาสนุกสนาน
แต่ว่าแขกที่ร่วมยืนในขบวนขันหมากนี่ จะสู่ขิตล่ะครับ

จากประสบการณ์นั้น มีอยู่งานหนึ่งที่ผมได้ไปร่วมอยู่ในขบวนขันหมากด้วย
และในงานนั้นฝ่ายเจ้าบ่าวผ่านด่านไปได้ช้ามาก
ในขณะที่ขบวนขันหมากอยู่กลางแดด
บรรดาคณะที่กั้นด่านอยู่ก็คุยสนุกหัวเราะเสียงดังครับ
แต่ว่าบางคนที่อยู่ในขบวนขันหมากด้วย ทนร้อนไม่ไหว ก็ต้องเดินออกไปนั่งรอที่อื่น
ในส่วนของผมเองที่ใส่สูทมาร่วมงาน และช่วยถือพาน นี่อย่างกับอยู่ห้องซาวน่า
จนต้องถอดสูท และพับแขนเสื้อเลยทีเดียว
จนเวลาผ่านไปนานพอสมควร ก็มีคนหนึ่งเดินไปบอกตรงที่ด่านว่า
ข้างหลังจะมีคนเป็นลมแล้ว แดดร้อนมาก ช่วยดำเนินขั้นตอนให้เร็วด้วย
ซึ่งหลังจากนั้น ขบวนก็ผ่านไปได้ในเวลาอันสั้น และไม่เกิดปัญหาอะไรครับ

เราจึงจะเห็นได้ว่า เรื่องลักษณะนี้มีปัจจัยหลายเรื่องที่ควรพิจารณา
เช่น ต้องแจ้งล่วงหน้าให้เจ้าบ่าวเตรียมเงินและซองให้พร้อม
ต้องพิจารณาเวลาที่จะใช้ สภาพอากาศ และของที่ขบวนขันหมากถือด้วย
โดยหากฝ่ายเจ้าสาวไม่พิจารณาสิ่งเหล่านี้
แต่กลับปล่อยให้เพื่อน ๆ จัดด่านจำนวนมากกันตามใจเพื่อนแล้ว
การที่จะเกิดปัญหาในงานแต่งงานขึ้นมา ก็ย่อมเป็นสิ่งที่คาดหมายได้ครับ

ในกรณีที่ฝ่ายเจ้าสาวอาจจะไม่ได้หารือกับฝ่ายเจ้าบ่าวมาก่อนล่วงหน้าก็ตาม
แต่หากจัดจำนวนด่านให้พอดี พอเหมาะพอสม ก็ย่อมจะไม่เกิดปัญหานี้เช่นกัน
หรือหากจัดจำนวนด่านไว้เยอะเกินไป
แต่หากมีผู้ดูแลงานที่ดี และเข้าใจสถานการณ์ดีพอ
เห็นบรรยากาศแล้วว่าฝนกำลังจะตก จะทำให้แขกที่มาร่วมงานมีปัญหา
หรือเห็นแล้วว่าเจ้าบ่าวน่าจะเตรียมเงินสดหรือซองมาไม่พอ
หรือเห็นแล้วว่าเจ้าบ่าวเริ่มมีอารมณ์โมโหแล้ว
ผู้ดูแลงานก็ควรจะช่วยแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้
เช่นอาจจะบอกว่าฝนจะตกแล้ว จึงเปิดทุกด่านให้เจ้าบ่าวผ่านเข้าได้เลย
ก็ยังจะช่วยแก้ไขปัญหาที่จะเกิดขึ้นดังกล่าวได้

ในส่วนของฝ่ายเจ้าบ่าวเอง เมื่อเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้ตั้งแต่ตอนต้น
ว่าฝ่ายเจ้าสาวไม่ได้นัดแนะกับตนเองมาก่อนล่วงหน้าแล้ว
ก่อนที่จะปล่อยให้สถานการณ์ไหลไปจนระเบิดลงกลางงานแต่ง
ก็ควรเจรจากับฝ่ายเจ้าสาวในเวลานั้นตั้งแต่แรกเลย
กล่าวคือ หากทราบตั้งแต่แรกว่าจำนวนด่านเยอะมากแล้ว ก็ควรจะโทรหาเจ้าสาว
เพื่อหารือสถานการณ์กันว่าจะปรับเปลี่ยนการดำเนินการอย่างไร
เพราะในเมื่อฝ่ายเจ้าบ่าวไม่ได้เตรียมเงินและซองมาเยอะขนาดนี้
โดยตามเรื่องก็น่าจะสามารถเจรจากันได้
ไม่ควรพยายามผ่านด่านไปเรื่อยจนกระทั่งสถานการณ์ไหลไปถึงจุดเดือด
จนทำให้งามแต่งล่มในทันที แต่ควรที่จะเจรจากันก่อน
ซึ่งหากฝ่ายเจ้าสาวเข้าใจเหตุผล ก็ย่อมจะสามารถแก้ไขปัญหางานแต่งได้ครับ

เราได้คุยและสนทนาเรื่องข่าวมาพอสมควร ก็ขอนำธรรมะมาสนทนากันบ้าง
โดยผมเห็นว่าเราสามารถป้องกันปัญหาในทำนองเดียวกับงานแต่งงานดังกล่าวได้
หากเราได้นำข้อธรรมในเรื่อง “สัปปุริสธรรม” มาประพฤติปฏิบัติครับ
“สัปปุริสธรรม” หมายถึง ธรรมที่ทำให้เป็นสัตบุรุษ หรือคุณสมบัติของคนดี
ซึ่งมีอยู่ ๗ ประการ อันประกอบด้วย
๑. “ธัมมัญญุตา” หมายถึง รู้หลัก รู้หลักเกณฑ์ รู้กฎเกณฑ์แห่งเหตุผล
กล่าวคือ รู้ว่าโดยปกติประเพณีจำนวนด่านจะไม่ได้มีเยอะมาก
เช่น อาจจะมีเพียงแค่จำนวน ๓ ด่านก็พอ

๒. “อัตถัญญุตา” หมายถึง รู้ความมุ่งหมาย รู้จักผล รู้ประโยชน์ที่ประสงค์
หรือรู้จักผลที่จะเกิดขึ้นสืบเนื่องจากการกระทำ
กล่าวคือ รู้เป้าหมายสำคัญของงานแต่งงานว่า ควรมุ่งจัดงานแต่งงานให้สำเร็จ
ไม่ได้ใช่มีเป้าหมายสนุกเพลิดเพลินในการตั้งด่าน และรู้จักหลักเหตุและผลว่า
หากตั้งจำนวนด่านเยอะเกินสมควรแล้ว จะบังเกิดผลอย่างไร

๓. “อัตตัญญุตา” หมายถึง ความรู้จักตน รู้ว่าเรานั้น โดยฐานะ ภาวะ เพศ
กำลังความรู้ ความสามารถ ความถนัด และคุณธรรม เป็นต้น บัดนี้เป็นอย่างไร
แล้วประพฤติให้เหมาะสม และรู้ที่จะแก้ไขปรับปรุงต่อไป
กล่าวคือ ฝ่ายเจ้าสาวต้องทราบว่าฝ่ายตนเองนั้น มีจำนวนคนที่จะตั้งด่านเท่าไร
และจะวางแผนบริหารจัดการการจัดตั้งด่านอย่างไร เหมาะสมหรือไม่
ควรจะปรับปรุงแก้ไขหรือไม่ อย่างไร ควรจะหารือกับคนอื่น ๆ หรือไม่

๔. “มัตตัญญุตา” หมายถึง ความรู้จักประมาณ หรือความพอดี
กล่าวคือ ควรจะรู้จักประมาณและมีความพอดีในการตั้งด่าน
ว่าจำนวนด่านเท่าไร จึงจะพอประมาณ และพอดีเหมาะสมกับงานแต่ง

๕. “กาลัญญุตา” หมายถึง รู้กาลเวลาอันเหมาะสม
และระยะเวลาที่จะต้องใช้ในการประกอบกิจการงานให้ทันเวลา
กล่าวคือ รู้ว่าการจัดตั้งด่านจำนวนเยอะมาก จะต้องใช้เวลาเท่าไร
และจะส่งผลกระทบต่อเวลาของงานแต่งงานหรือไม่ อย่างไร
หรือรู้จักเวลาว่าขณะนี้ฝนกำลังจะตก หรือฝนได้ตกแล้ว ควรจะทำอย่างไร

๖. “ปริสัญญุตา” หมายถึง ความรู้จักชุมชน รู้จักที่จะประพฤติต่อชุมชน
ว่าชุมชนนี้เมื่อเข้าไปหา จะต้องทำกิริยาอย่างนี้ จะต้องพูดอย่างนี้
กล่าวคือ รู้จักฝ่ายเจ้าบ่าวว่าเป็นอย่างไร หรือรู้จักฝ่ายเจ้าสาวว่าเป็นอย่างไร
และควรจะปฏิบัติด้วยอย่างไร

๗. “ปุคคลัญญุตา” หมายถึง ความรู้จักบุคคล คือ ความแตกต่างแห่งบุคคล
และรู้ที่จะปฏิบัติต่อบุคคลนั้น ๆ ด้วยดีอย่างไร
กล่าวคือ รู้จักเจ้าบ่าวว่าเป็นอย่างไร และควรจะเจรจาหรือปฏิบัติด้วยอย่างไร

โดยสรุปแล้ว หากเรานำสัปปุริสธรรมมาประพฤติปฏิบัติแล้ว
ก็ย่อมจะช่วยป้องกันปัญหาในทำนองเดียวกับงานแต่งงานดังกล่าวได้ครับ