Print

เพื่อนธรรมจารี - ฉบับที่ ๔๔๒

ngodngam1 

 งดงาม

  This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

 

พุทธศาสนาอายุ ๕ พันปี

 

dhammajaree442

 

ในช่วงเดือนตุลาคม ๒๕๖๖ ที่ผ่านมา ข่าวใหญ่ที่สำคัญของโลก
น่าจะเป็นข่าวสงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส
ซึ่งก็มีโอกาสที่จะขยายวงบานปลายไปเป็นสงครามโลกได้
https://mgronline.com/onlinesection/detail/9660000099230
โดยในเรื่องนี้ บางท่านอาจจะได้เคยอ่านพบข่าวเกี่ยวกับคำทำนาย
ในศิลาจารึกในมหาวิหารเจตมหาเชตวัน ณ สวนมฤคทายวัน ประเทศอินเดีย
ที่กล่าวถึงสงครามใหญ่ในช่วงหลังกึ่งพุทธกาลว่าจะมีความรุนแรงมากกว่า
สงครามในช่วงก่อนกึ่งพุทธกาลอย่างมาก
https://www.tnews.co.th/contents/313977


โดยในเรื่องเกี่ยวกับสงครามและคำทำนายดังกล่าวนั้น
เราคงจะเอาไว้สนทนากันในโอกาสหน้า
แต่ในคราวนี้ เราจะสนทนากันเรื่องอายุของพุทธศาสนา
ซึ่งมีหลายท่านที่เห็นหรือเชื่อว่าพุทธศาสนาจะมีอายุ ๕ พันปี
แต่ก็มีหลายท่านที่ไม่เห็นด้วยครับ

ในเรื่องนี้ หากเราได้ลองไปค้นดูในพระไตรปิฎกแล้ว
เราจะไม่พบว่าพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสอายุ ๕ พันปีของพระพุทธศาสนาเอาไว้
แต่จะพบว่าพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสระยะเวลาอื่นไว้ ได้แก่
ใน “ภิกขุนีขันธกะ” (พระวินัยปิฎก จุลวรรค ภาค ๒) พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
“ดูกรอานนท์ ก็ถ้าสตรีจักไม่ได้ออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิตในธรรมวินัยที่ตถาคตประกาศแล้ว
พรหมจรรย์จักตั้งอยู่ได้นาน สัทธรรมจะพึงตั้งอยู่ได้ตลอดพันปี
ก็เพราะสตรีออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต ในธรรมวินัยที่ตถาคตประกาศแล้ว
บัดนี้ พรหมจรรย์จักไม่ตั้งอยู่ได้นาน สัทธรรมจักตั้งอยู่ได้เพียง ๕๐๐ ปีเท่านั้น
ดูกรอานนท์ สตรีได้ออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิตในธรรมวินัยใด
ธรรมวินัยนั้นเป็นพรหมจรรย์ไม่ตั้งอยู่ได้นาน
เปรียบเหมือนตระกูลเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่มีหญิงมาก มีชายน้อย
ตระกูลเหล่านั้นถูกพวกโจรผู้ลักทรัพย์กำจัดได้ง่าย”
https://84000.org/tipitaka/pitaka_item/r.php?B=7&A=6118&w=%BE%C3%CB%C1%A8%C3%C3%C2%EC%E4%C1%E8%B5%D1%E9%A7%CD%C2%D9%E8%B9%D2%B9



โดยใน “โคตมีสูตร” (พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต)
ก็มีเนื้อหาเช่นเดียวกัน โดยพระผู้มีพระภาคตรัสว่า “ดูกรอานนท์
หากมาตุคามจักไม่ได้ออกบวชเป็นบรรพชิตในธรรมวินัยที่ตถาคตประกาศแล้ว
พรหมจรรย์ก็ยังจะตั้งอยู่ได้นาน สัทธรรมพึงดำรงอยู่ได้ ๑,๐๐๐ ปี
แต่เพราะมาตุคามออกบวชเป็นบรรพชิตในธรรมวินัยที่ตถาคตประกาศแล้ว
พรหมจรรย์จะไม่ตั้งอยู่นาน ทั้งสัทธรรมก็จักดำรงอยู่เพียง ๕๐๐ ปี
ดูกรอานนท์ ตระกูลใดตระกูลหนึ่ง ที่มีหญิงมาก ชายน้อย
ตระกูลนั้นถูกพวกโจรกำจัดได้ง่าย แม้ฉันใด
มาตุคามได้ออกบวชเป็นบรรพชิตในธรรมวินัยใด
พรหมจรรย์ในธรรมวินัยนั้นจักไม่ตั้งอยู่นาน ฉันนั้นเหมือนกัน”
https://84000.org/tipitaka/read/?23/141

 

แต่ในอรรถกถาของ “ภิกขุนีขันธกะ” ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า
คำว่า พันปี นั้น พระองค์ตรัสด้วยอำนาจพระขีณาสพผู้ถึงความแตกฉานในปฏิสัมภิทาเท่านั้น
แต่เมื่อจะตั้งอยู่ยิ่งกว่าพันปีนั้นบ้าง จักตั้งอยู่สิ้นพันปี ด้วยอำนาจแห่งพระขีณาสพสุกขวิปัสสกะ
จักตั้งอยู่สิ้นพันปี ด้วยอำนาจแห่งพระอนาคามี
จักตั้งอยู่สิ้นพันปี ด้วยอำนาจแห่งพระสกทาคามี
จักตั้งอยู่สิ้นพันปี ด้วยอำนาจพระโสดาบัน
รวมความว่า พระปฏิเวธสัทธรรมจักตั้งอยู่ตลอดห้าพันปี ด้วยประการฉะนี้.
https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=7&i=513

 

และในอรรถกถาของ “โคตมีสูตร” ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า
ก็คำว่า “วสฺสสหสฺสํ” (คือหนึ่งพันปี) นี้ ตรัสโดยมุ่งถึงพระขีณาสพผู้บรรลุปฏิสัมภิทาเท่านั้น
แต่เมื่อกล่าวให้ยิ่งไปกว่านั้น ๑,๐๐๐ ปี โดยมุ่งถึงพระขีณาสพผู้สุกขวิปัสสก ๑,๐๐๐ ปี
โดยมุ่งถึงพระอนาคามี ๑,๐๐๐ ปี โดยมุ่งถึงพระสกทาคามี ๑,๐๐๐ ปี
โดยมุ่งถึงพระโสดาบัน ปฏิเวธสัทธรรมจักดำรงอยู่ได้ ๕,๐๐๐ ปี โดยอาการดังกล่าวมานี้
แม้พระปริยัติธรรมก็ดำรงอยู่ได้ ๕,๐๐๐ ปีนั้นเหมือนกัน.”
https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=23&i=141



ในอรรถกถาของพระสูตรอื่น ๆ ก็ยังมีกล่าวถึงระยะเวลา ๕ พันปี เช่น
ในอรรถกถาของ “ทักขิณาวิภังคสูตร” (พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์)
ได้กล่าวว่า “พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงมีพระดำริอย่างนี้ว่า เราไม่ดำรงอยู่นาน
แต่ศาสนาของเราจักตั้งอยู่ในพระภิกษุสงฆ์ ชนรุ่นหลังจงยังความยำเกรงในสงฆ์ให้เกิดขึ้น ดังนี้
จึงทรงห้ามถึง ๓ ครั้งแล้ว ทรงให้ถวายสงฆ์. ก็เมื่อเป็นเช่นนั้น
พระศาสดาจึงทรงให้ถวายผ้าใหม่คู่หนึ่งแม้ที่พระนางจะถวายแด่พระองค์ให้แก่สงฆ์
ทักขิไณยบุคคลชื่อว่าสงฆ์ เพราะฉะนั้น ชนรุ่นหลังยังความยำเกรงให้เกิดขึ้นในสงฆ์
จักสำคัญปัจจัยสี่เป็นสิ่งพึงถวาย สงฆ์เมื่อไม่ลำบากด้วยปัจจัยสี่
จักเรียนพระพุทธวจนะทำสมณธรรม เมื่อเป็นอย่างนั้น ศาสนาของเราจักตั้งอยู่ถึง ๕,๐๐๐ ปี ดังนี้.”
https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=14&i=706



ในอรรถกถาของ “พรหมชาลสูตร” (พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค)
ได้เล่าถึงเรื่องการสังคายนาพระไตรปิฎกว่า “ในอวสานแห่งการสังคายนาพระพุทธพจน์นั้น
แผ่นดินใหญ่นี้ได้สั่นสะเทือนเลื่อนลั่นหวั่นไหว เป็นอเนกประการทั่วไปจนถึงน้ำรองแผ่นดิน
เป็นประหนึ่งว่าเกิดความปราโมทย์ให้สาธุการว่า ศาสนาของพระทศพลนี้
พระมหากัสสปเถระได้ทำให้สามารถมีอายุยืนไปได้ตลอดกาลประมาณ ๕,๐๐๐ ปี
และได้ปรากฏมหัศจรรย์ทั้งหลายมิใช่น้อยด้วยประการฉะนี้”
https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=09.0&i=1&p=1



นอกจากในเนื้อหาของอรรถกถาต่าง ๆ แล้ว
ในหนังสือมิลินทปัญหาก็ได้กล่าวถึงอายุ ๕ พันปีของพุทธศาสนาว่า
“ธรรมทั้งหลายเหล่านี้ที่ตถาคตตรัสบัญญัติสั่งสอนไว้นี่แหละ
จะได้อยู่เป็นครูเป็นอาจารย์สั่งสอน ถาวรไปให้ถ้วน ๕,๐๐๐ พระวรรษา” และ
“ครั้งนั้นยังมีภิกษุองค์หนึ่งมีนามชื่อว่านาคเสน แสนฉลาด
อาจสามารถที่จะแก้อรรถปัญหาของพระเจ้ามิลินท์ให้ทรงโสมนัสยินดีได้ด้วยวิจิตรอุปมา
และพระนาคเสนนั้นจะกระทำศาสนาของตถาคตให้ปรากฏถาวรตั้งมั่นไป
ถ้วน ๕,๐๐๐ พระวรรษาในกาลนั้น”
https://84000.org/tipitaka/milin/milin.php?i=2



นอกจากนี้ ใน “สัทธัมมอันตธานปัญหา ที่ ๗” ของหนังสือมิลินทปัญหานั้น
ได้เล่าว่า “พระนาคเสนจึงมีเถรวาจาวิสัชนาว่า
มหาราช ดูรานะบพิตรพระราชสมภาร
ภควา สมเด็จบรมโลกนาถศาสดาจารย์มีพระพุทธฎีกาตรัสว่า
พระสัทธรรมจะตั้งมั่นอยู่ห้าพันพระวัสสา”
https://84000.org/tipitaka/milin/milin.php?i=101



จึงจะเห็นได้ว่า ในส่วนที่กล่าวถึงอายุ ๕ พันปีของพุทธศาสนานั้น
จะมีกล่าวในอรรถกถา และหนังสือมิลินทปัญหา
โดยไม่พบว่าได้มีพระสูตรที่พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสระยะเวลานี้ไว้
อย่างไรก็ดี ในหนังสือมิลินทปัญหานั้น พระนาคเสนได้กล่าวว่า
พระผู้มีพระภาคเจ้าได้มีพระพุทธฎีกาตรัสว่า พระสัทธรรมจะตั้งมั่นอยู่ ๕ พันปี
https://84000.org/tipitaka/milin/milin.php?i=101



ในเรื่องที่ว่าพระพุทธศาสนาจะมีอายุ ๕ พันปีหรือไม่นั้น
เป็นประเด็นที่ถกเถียงกันมานานแล้วครับ
โดยในปีพุทธศักราช ๒,๕๐๐ ซึ่งเป็นยุคสมัยรัฐบาลของจอมพล ป.พิบูลสงคราม
ประเทศได้จะจัดงานเฉลิมฉลองพระพุทธศาสนานั้น
โดยในตอนแรกจะจัดงานฉลอง “กึ่งพุทธกาล” ซึ่งเท่ากับครึ่งทางของอายุพุทธศาสนาแล้ว
แต่ก็ได้มีพระภิกษุสงฆ์ของไทย ศรีลังกา และพม่า ฝ่ายเถรวาท ได้คัดค้านว่า
พระพุทธผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า “ตราบใดที่ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ยังประพฤติธรรม
ศาสนาของตถาคตก็ยังคงอยู่” โดยยืนยันว่า พุทธศาสนาไม่มีกำหนดเวลา
ซึ่งรัฐบาลไทยก็โอนอ่อนผ่อนตาม โดยเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นงานฉลอง “๒๕ พุทธศตวรรษ”
https://www.thairath.co.th/news/politic/313779
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%89%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%87_25_%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%A8%E0%B8%95%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A9



โดยในแนวทางดังกล่าวก็จะสอดคล้องกับ “มหาปรินิพพานสูตร”
(พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค) ซึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า
“ก็ภิกษุเหล่านี้พึงอยู่โดยชอบ โลกไม่พึงว่างจากพระอรหันต์ทั้งหลาย”
https://84000.org/tipitaka/book/v.php?B=10&A=1888&Z=3915



ในเรื่องที่ว่าอายุของพุทธศาสนาจะอยู่ถึง ๕ พันปีหรือไม่ที่ได้กล่าวมานั้น
ก็ถือเป็นเรื่องเกร็ดความรู้เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา
แต่ว่าจริง ๆ แล้วก็ไม่ได้กระทบพวกเราเท่าไรนัก
เพราะว่าในเวลานี้ก็ยังอยู่เพียงในปีพุทธศักราช ๒๕๖๖
และก็ยังอยู่ในช่วงเวลาที่มีพระพุทธศาสนาและมีพระธรรมคำสอนให้เราศึกษาอยู่
ดังนั้น สิ่งที่สำคัญกว่าก็คือ การปฏิบัติตามคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้า
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในปัจฉิมโอวาทใน “มหาปรินิพพานสูตร”
(พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค) ซึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสอนว่า
“ดูกรภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ เราขอเตือนพวกเธอว่า
สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา
พวกเธอจงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด”
https://84000.org/tipitaka/book/v.php?B=10&A=1888&Z=3915


ซึ่งเมื่อพวกเราทุกคนได้ช่วยกันศึกษาและปฏิบัติ
ตามคำธรรมคำสอนตามสมควรแก่ธรรมแล้ว
ก็ย่อมจะมีส่วนช่วยให้พระพุทธศาสนาได้มีอายุยืนยาวสืบไปครับ



ในช่วงเดือนตุลาคม ๒๕๖๖ ที่ผ่านมา ข่าวใหญ่ที่สำคัญของโลก
น่าจะเป็นข่าวสงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส
ซึ่งก็มีโอกาสที่จะขยายวงบานปลายไปเป็นสงครามโลกได้
https://mgronline.com/onlinesection/detail/9660000099230
โดยในเรื่องนี้ บางท่านอาจจะได้เคยอ่านพบข่าวเกี่ยวกับคำทำนาย
ในศิลาจารึกในมหาวิหารเจตมหาเชตวัน ณ สวนมฤคทายวัน ประเทศอินเดีย
ที่กล่าวถึงสงครามใหญ่ในช่วงหลังกึ่งพุทธกาลว่าจะมีความรุนแรงมากกว่า
สงครามในช่วงก่อนกึ่งพุทธกาลอย่างมาก
https://www.tnews.co.th/contents/313977
โดยในเรื่องเกี่ยวกับสงครามและคำทำนายดังกล่าวนั้น
เราคงจะเอาไว้สนทนากันในโอกาสหน้า
แต่ในคราวนี้ เราจะสนทนากันเรื่องอายุของพุทธศาสนา
ซึ่งมีหลายท่านที่เห็นหรือเชื่อว่าพุทธศาสนาจะมีอายุ ๕ พันปี
แต่ก็มีหลายท่านที่ไม่เห็นด้วยครับ

ในเรื่องนี้ หากเราได้ลองไปค้นดูในพระไตรปิฎกแล้ว
เราจะไม่พบว่าพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสอายุ ๕ พันปีของพระพุทธศาสนาเอาไว้
แต่จะพบว่าพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสระยะเวลาอื่นไว้ ได้แก่
ใน “ภิกขุนีขันธกะ” (พระวินัยปิฎก จุลวรรค ภาค ๒) พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
“ดูกรอานนท์ ก็ถ้าสตรีจักไม่ได้ออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิตในธรรมวินัยที่ตถาคตประกาศแล้ว
พรหมจรรย์จักตั้งอยู่ได้นาน สัทธรรมจะพึงตั้งอยู่ได้ตลอดพันปี
ก็เพราะสตรีออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต ในธรรมวินัยที่ตถาคตประกาศแล้ว
บัดนี้ พรหมจรรย์จักไม่ตั้งอยู่ได้นาน สัทธรรมจักตั้งอยู่ได้เพียง ๕๐๐ ปีเท่านั้น
ดูกรอานนท์ สตรีได้ออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิตในธรรมวินัยใด
ธรรมวินัยนั้นเป็นพรหมจรรย์ไม่ตั้งอยู่ได้นาน
เปรียบเหมือนตระกูลเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่มีหญิงมาก มีชายน้อย
ตระกูลเหล่านั้นถูกพวกโจรผู้ลักทรัพย์กำจัดได้ง่าย”
https://84000.org/tipitaka/pitaka_item/r.php?B=7&A=6118&w=%BE%C3%CB%C1%A8%C3%C3%C2%EC%E4%C1%E8%B5%D1%E9%A7%CD%C2%D9%E8%B9%D2%B9

โดยใน “โคตมีสูตร” (พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต)
ก็มีเนื้อหาเช่นเดียวกัน โดยพระผู้มีพระภาคตรัสว่า “ดูกรอานนท์
หากมาตุคามจักไม่ได้ออกบวชเป็นบรรพชิตในธรรมวินัยที่ตถาคตประกาศแล้ว
พรหมจรรย์ก็ยังจะตั้งอยู่ได้นาน สัทธรรมพึงดำรงอยู่ได้ ๑
,๐๐๐ ปี
แต่เพราะมาตุคามออกบวชเป็นบรรพชิตในธรรมวินัยที่ตถาคตประกาศแล้ว
พรหมจรรย์จะไม่ตั้งอยู่นาน ทั้งสัทธรรมก็จักดำรงอยู่เพียง ๕๐๐ ปี
ดูกรอานนท์ ตระกูลใดตระกูลหนึ่ง ที่มีหญิงมาก ชายน้อย
ตระกูลนั้นถูกพวกโจรกำจัดได้ง่าย แม้ฉันใด
มาตุคามได้ออกบวชเป็นบรรพชิตในธรรมวินัยใด
พรหมจรรย์ในธรรมวินัยนั้นจักไม่ตั้งอยู่นาน ฉันนั้นเหมือนกัน”
https://84000.org/tipitaka/read/?23/141

แต่ในอรรถกถาของ “ภิกขุนีขันธกะ” ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า
คำว่า พันปี นั้น พระองค์ตรัสด้วยอำนาจพระขีณาสพผู้ถึงความแตกฉานในปฏิสัมภิทาเท่านั้น
แต่เมื่อจะตั้งอยู่ยิ่งกว่าพันปีนั้นบ้าง จักตั้งอยู่สิ้นพันปี ด้วยอำนาจแห่งพระขีณาสพสุกขวิปัสสกะ
จักตั้งอยู่สิ้นพันปี ด้วยอำนาจแห่งพระอนาคามี
จักตั้งอยู่สิ้นพันปี ด้วยอำนาจแห่งพระสกทาคามี
จักตั้งอยู่สิ้นพันปี ด้วยอำนาจพระโสดาบัน
รวมความว่า พระปฏิเวธสัทธรรมจักตั้งอยู่ตลอดห้าพันปี ด้วยประการฉะนี้.
https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=7&i=513

และในอรรถกถาของ “โคตมีสูตร” ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า
ก็คำว่า “วสฺสสหสฺสํ” (คือหนึ่งพันปี) นี้ ตรัสโดยมุ่งถึงพระขีณาสพผู้บรรลุปฏิสัมภิทาเท่านั้น
แต่เมื่อกล่าวให้ยิ่งไปกว่านั้น ๑
,๐๐๐ ปี โดยมุ่งถึงพระขีณาสพผู้สุกขวิปัสสก ๑,๐๐๐ ปี
โดยมุ่งถึงพระอนาคามี ๑
,๐๐๐ ปี โดยมุ่งถึงพระสกทาคามี ๑,๐๐๐ ปี
โดยมุ่งถึงพระโสดาบัน ปฏิเวธสัทธรรมจักดำรงอยู่ได้ ๕
,๐๐๐ ปี โดยอาการดังกล่าวมานี้
แม้พระปริยัติธรรมก็ดำรงอยู่ได้ ๕
,๐๐๐ ปีนั้นเหมือนกัน.”
https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=23&i=141

ในอรรถกถาของพระสูตรอื่น ๆ ก็ยังมีกล่าวถึงระยะเวลา ๕ พันปี เช่น
ในอรรถกถาของ “ทักขิณาวิภังคสูตร” (พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์)
ได้กล่าวว่า “พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงมีพระดำริอย่างนี้ว่า เราไม่ดำรงอยู่นาน
แต่ศาสนาของเราจักตั้งอยู่ในพระภิกษุสงฆ์ ชนรุ่นหลังจงยังความยำเกรงในสงฆ์ให้เกิดขึ้น ดังนี้
จึงทรงห้ามถึง ๓ ครั้งแล้ว ทรงให้ถวายสงฆ์. ก็เมื่อเป็นเช่นนั้น
พระศาสดาจึงทรงให้ถวายผ้าใหม่คู่หนึ่งแม้ที่พระนางจะถวายแด่พระองค์ให้แก่สงฆ์
ทักขิไณยบุคคลชื่อว่าสงฆ์ เพราะฉะนั้น ชนรุ่นหลังยังความยำเกรงให้เกิดขึ้นในสงฆ์
จักสำคัญปัจจัยสี่เป็นสิ่งพึงถวาย สงฆ์เมื่อไม่ลำบากด้วยปัจจัยสี่
จักเรียนพระพุทธวจนะทำสมณธรรม เมื่อเป็นอย่างนั้น ศาสนาของเราจักตั้งอยู่ถึง ๕
,๐๐๐ ปี ดังนี้.”
https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=14&i=706

ในอรรถกถาของ “พรหมชาลสูตร” (พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค)
ได้เล่าถึงเรื่องการสังคายนาพระไตรปิฎกว่า “ในอวสานแห่งการสังคายนาพระพุทธพจน์นั้น
แผ่นดินใหญ่นี้ได้สั่นสะเทือนเลื่อนลั่นหวั่นไหว เป็นอเนกประการทั่วไปจนถึงน้ำรองแผ่นดิน
เป็นประหนึ่งว่าเกิดความปราโมทย์ให้สาธุการว่า ศาสนาของพระทศพลนี้
พระมหากัสสปเถระได้ทำให้สามารถมีอายุยืนไปได้ตลอดกาลประมาณ ๕
,๐๐๐ ปี
และได้ปรากฏมหัศจรรย์ทั้งหลายมิใช่น้อยด้วยประการฉะนี้”
https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=09.0&i=1&p=1

นอกจากในเนื้อหาของอรรถกถาต่าง ๆ แล้ว
ในหนังสือมิลินทปัญหาก็ได้กล่าวถึงอายุ ๕ พันปีของพุทธศาสนาว่า
“ธรรมทั้งหลายเหล่านี้ที่ตถาคตตรัสบัญญัติสั่งสอนไว้นี่แหละ
จะได้อยู่เป็นครูเป็นอาจารย์สั่งสอน ถาวรไปให้ถ้วน ๕
,๐๐๐ พระวรรษา” และ
“ครั้งนั้นยังมีภิกษุองค์หนึ่งมีนามชื่อว่านาคเสน แสนฉลาด
อาจสามารถที่จะแก้อรรถปัญหาของพระเจ้ามิลินท์ให้ทรงโสมนัสยินดีได้ด้วยวิจิตรอุปมา
และพระนาคเสนนั้นจะกระทำศาสนาของตถาคตให้ปรากฏถาวรตั้งมั่นไป
ถ้วน ๕
,๐๐๐ พระวรรษาในกาลนั้น”
https://84000.org/tipitaka/milin/milin.php?i=2

นอกจากนี้ ใน “สัทธัมมอันตธานปัญหา ที่ ๗” ของหนังสือมิลินทปัญหานั้น
ได้เล่าว่า “พระนาคเสนจึงมีเถรวาจาวิสัชนาว่า
มหาราช ดูรานะบพิตรพระราชสมภาร
ภควา สมเด็จบรมโลกนาถศาสดาจารย์มีพระพุทธฎีกาตรัสว่า
พระสัทธรรมจะตั้งมั่นอยู่ห้าพันพระวัสสา”
https://84000.org/tipitaka/milin/milin.php?i=101

จึงจะเห็นได้ว่า ในส่วนที่กล่าวถึงอายุ ๕ พันปีของพุทธศาสนานั้น
จะมีกล่าวในอรรถกถา และหนังสือมิลินทปัญหา
โดยไม่พบว่าได้มีพระสูตรที่พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสระยะเวลานี้ไว้
อย่างไรก็ดี ในหนังสือมิลินทปัญหานั้น พระนาคเสนได้กล่าวว่า
พระผู้มีพระภาคเจ้าได้มีพระพุทธฎีกาตรัสว่า พระสัทธรรมจะตั้งมั่นอยู่ ๕ พันปี
https://84000.org/tipitaka/milin/milin.php?i=101

ในเรื่องที่ว่าพระพุทธศาสนาจะมีอายุ ๕ พันปีหรือไม่นั้น
เป็นประเด็นที่ถกเถียงกันมานานแล้วครับ
โดยในปีพุทธศักราช ๒,๕๐๐ ซึ่งเป็นยุคสมัยรัฐบาลของจอมพล ป.พิบูลสงคราม
ประเทศได้จะจัดงานเฉลิมฉลองพระพุทธศาสนานั้น
โดยในตอนแรกจะจัดงานฉลอง “กึ่งพุทธกาล” ซึ่งเท่ากับครึ่งทางของอายุพุทธศาสนาแล้ว
แต่ก็ได้มีพระภิกษุสงฆ์ของไทย ศรีลังกา และพม่า ฝ่ายเถรวาท ได้คัดค้านว่า
พระพุทธผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า “ตราบใดที่ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ยังประพฤติธรรม
ศาสนาของตถาคตก็ยังคงอยู่” โดยยืนยันว่า พุทธศาสนาไม่มีกำหนดเวลา
ซึ่งรัฐบาลไทยก็โอนอ่อนผ่อนตาม โดยเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นงานฉลอง “๒๕ พุทธศตวรรษ”
https://www.thairath.co.th/news/politic/313779
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%89%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%87_25_%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%A8%E0%B8%95%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A9

โดยในแนวทางดังกล่าวก็จะสอดคล้องกับ “มหาปรินิพพานสูตร”
(พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค) ซึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า
“ก็ภิกษุเหล่านี้พึงอยู่โดยชอบ โลกไม่พึงว่างจากพระอรหันต์ทั้งหลาย”
https://84000.org/tipitaka/book/v.php?B=10&A=1888&Z=3915

ในเรื่องที่ว่าอายุของพุทธศาสนาจะอยู่ถึง ๕ พันปีหรือไม่ที่ได้กล่าวมานั้น
ก็ถือเป็นเรื่องเกร็ดความรู้เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา
แต่ว่าจริง ๆ แล้วก็ไม่ได้กระทบพวกเราเท่าไรนัก
เพราะว่าในเวลานี้ก็ยังอยู่เพียงในปีพุทธศักราช ๒๕๖๖
และก็ยังอยู่ในช่วงเวลาที่มีพระพุทธศาสนาและมีพระธรรมคำสอนให้เราศึกษาอยู่
ดังนั้น สิ่งที่สำคัญกว่าก็คือ การปฏิบัติตามคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้า
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในปัจฉิมโอวาทใน “มหาปรินิพพานสูตร”
(พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค) ซึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสอนว่า
“ดูกรภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ เราขอเตือนพวกเธอว่า
สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา
พวกเธอจงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด”
https://84000.org/tipitaka/book/v.php?B=10&A=1888&Z=3915
ซึ่งเมื่อพวกเราทุกคนได้ช่วยกันศึกษาและปฏิบัติ
ตามคำธรรมคำสอนตามสมควรแก่ธรรมแล้ว
ก็ย่อมจะมีส่วนช่วยให้พระพุทธศาสนาได้มีอายุยืนยาวสืบไปครับ