Print

เพื่อนธรรมจารี - ฉบับที่ ๓๙๑

ngodngam1 

 งดงาม

  This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

วิกฤติยังไม่จบ

 

        dhammajaree391

ประเทศไทยได้กลับมาเปิดประเทศตั้งแต่วันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ เป็นต้นมา
โดยเริ่มเปิดรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ ซึ่งช่วยให้ระบบเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น
และประชาชนก็เริ่มกลับมาทำมาค้าขาย และประกอบอาชีพได้มากขึ้น
ยกเว้นสถานบันเทิงหรือกิจการบางประเภทที่ยังต้องห้ามเปิดอยู่
โดยในต่างประเทศหลาย ๆ ประเทศก็เริ่มกลับมาเปิดประเทศ
และดำเนินการในทำนองเดียวกันว่า เราจะต้องอยู่ร่วมกับไวรัสโควิด-19 นี้เป็นปกติให้ได้

จำนวนผู้ได้รับวัคซีนโควิด-19 ทั้งในประเทศ และต่างประเทศก็มีจำนวนมากขึ้น
โดยเมื่อวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ ที่ผ่านมา
ประเทศไทยได้ฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบสองโดสแล้วร้อยละ ๕๖.๒
และได้ฉีดวัคซีนเข็มแรกแล้วร้อยละ ๖๖.๙ และได้ให้เข็มบูสเตอร์แล้วร้อยละ ๔.๔
ในขณะที่เฉลี่ยทั่วโลกแล้วได้ฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบสองโดสแล้วร้อยละ ๔๒.๔
และได้ฉีดวัคซีนเข็มแรกแล้วร้อยละ ๕๓.๙ และได้ให้เข็มบูสเตอร์แล้วร้อยละ ๒.๗

แม้ว่าการฉีดวัคซีนโควิด-19 จะกระทำได้คืบหน้าอย่างมาก
และมีการส่งสัญญาณดีจากรัฐบาลในหลายประเทศรวมทั้งประเทศไทยก็ตาม
แต่เราก็ไม่ควรประมาท หรือเข้าใจว่าวิกฤตินี้การณ์ใกล้จะจบแล้วนะครับ
เพราะว่าจริง ๆ แล้ว วิกฤตินี้น่าจะยังไม่ได้ใกล้จะจบ
และข้อมูลในหลาย ๆ เรื่องแสดงให้เห็นว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้น
เช่น แม้ว่าจะมีการฉีดวัคซีนโควิด-19 ไปได้เป็นจำนวนมากแล้วก็ตาม
แต่ในอเมริกา และหลายประเทศในยุโรปก็ยังมีการระบาดโควิด-19 อย่างรุนแรง
เช่น ในประเทศออสเตรียที่ฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบสองโดสแล้วร้อยละ ๖๕.๕
และได้ฉีดวัคซีนเข็มแรกแล้วร้อยละ ๗๐.๐ และได้ให้เข็มบูสเตอร์แล้วร้อยละ ๑๔.๔
แต่เมื่อกลางเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๔ ที่ผ่านมานี้
ก็ได้มีจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อรายวันสูงสุดเท่าที่เคยมีการระบาดมา
และก็ได้ประกาศล็อคดาวน์ทั่วประเทศเรียบร้อยแล้ว
https://www.bangkokbiznews.com/news/972944
ในเวลาเดียวกัน ในประเทศเยอรมนี ซึ่งฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบสองโดสแล้วร้อยละ ๖๘.๐
และได้ฉีดวัคซีนเข็มแรกแล้วร้อยละ ๗๐.๕ และได้ให้เข็มบูสเตอร์แล้วร้อยละ ๗.๓
แต่ว่าเมื่อกลางเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๔ ที่ผ่านมานี้
ก็ได้มีจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อรายวันสูงสุดเท่าที่เคยมีการระบาดมาเช่นกัน
https://www.france24.com/en/europe/20211108-germany-s-covid-19-infection-rate-hits-highest-since-pandemic-began?fbclid=IwAR1pb70D8PBGBFohIj3l6Ae3sTR-rfaSUV5-no0aX3gPCEjoHGy0RmDs6-M
ซึ่งกรณีของบางประเทศในยุโรปที่กล่าวนี้ เป็นกรณีตัวอย่างที่น่าสนใจว่า
แม้ว่าจะได้มีการฉีดวัคซีนโควิด-19 ไปเป็นจำนวนมากแล้วก็ตาม
แต่กลับมีการติดเชื้อรายวันสูงสุดกว่าในช่วงที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนโควิด-19 ด้วยซ้ำ

แม้ในประเทศอเมริกาเองก็ตาม ซึ่งฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบสองโดสแล้วร้อยละ ๕๙.๒
และได้ฉีดวัคซีนเข็มแรกแล้วร้อยละ ๗๐.๐ และได้ให้เข็มบูสเตอร์แล้วร้อยละ ๑๐.๙
แต่ว่าเมื่อกลางเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๔ ที่ผ่านมานี้
ก็ยังมียอดผู้ติดเชื้อรายวันเฉลี่ยวันละเกือบแสนคน
ซึ่งจะเห็นได้ว่า แม้ว่าจะได้มีการฉีดวัคซีนโควิด-19 ไปเป็นจำนวนมากแล้วก็ตาม
แต่ก็ยังมีการติดเชื้อรายวันในอัตราที่สูงมาก ไม่ได้ต่ำกว่าช่วงที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนโควิด-19 เท่าไรนัก
ดังนั้นแล้ว การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ยังไม่ได้มีแนวโน้มว่าจะสิ้นสุดลงได้โดยง่าย

ในขณะเดียวกัน สถานการณ์ทางเศรษฐกิจก็มีแนวโน้มที่ไม่ได้ดีขึ้น
โดยจะเห็นได้จากปริมาณหนี้สาธารณะของหลายประเทศได้ทะลุเกิน
๑๐๐% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (Gross Domestic Product หรือ GDP)
ทั้งในอเมริกา และในหลายประเทศในยุโรป
ซึ่งยังไม่เห็นแนวทางว่าจะสามารถใช้หนี้สาธารณะดังกล่าวได้อย่างไร
ในขณะที่ทั้งอเมริกา และยุโรปเองก็ยังคงใช้มาตรการผ่อนคลายในเชิงปริมาณทางการเงิน
(Quantitative Easing หรือ QE) โดยพิมพ์เงินเข้าสู่ระบบปริมาณมหาศาลมาเป็นเวลานานแล้ว
และก็ยังไม่ได้หยุดมาตรการดังกล่าว ซึ่งการพิมพ์เงินเข้าสู่ระบบปริมาณมหาศาลเช่นนี้
ย่อมส่งผลให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งก็จะกระทบต่อเศรษฐกิจของโลกต่อไป

ดังนี้แล้ว แม้ว่าจะมีการส่งสัญญาณดีจากรัฐบาลหลายประเทศ
และมีการเปิดประเทศในหลายประเทศแล้วก็ตาม
แต่เราก็ไม่ควรประมาท หรือเข้าใจว่าวิกฤตินี้การณ์ใกล้จะจบแล้ว
เพราะว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดในหลายประเทศที่ฉีดวัคซีนได้มากแล้วยังไม่ดีขึ้น
และสถานการณ์ทางเศรษฐกิจก็ยังไม่ได้มีแนวโน้มที่จะดีขึ้น
แต่กลับมีแนวโน้มจะแย่ลงกว่าเดิมในปีหน้าด้วยซ้ำ
เนื่องด้วยปัญหาของปริมาณหนี้สาธารณะ และภาวะเงินเฟ้อในต่างประเทศ

ดังนั้นแล้ว เราจึงไม่ควรการ์ดตกทั้งในแง่ของการระมัดระวังป้องกันการติดเชื้อ
และในแง่ของการดูแลตนเองในด้านเศรษฐกิจครับ
ในการที่เราจะประกอบกิจการหรือลงทุนใด ๆ นั้น
พึงทำด้วยความรอบคอบระมัดระวัง และประกอบด้วยความรู้
และนำปรัชญาเศรษกิจพอเพียงมาพิจารณาประกอบด้วยเสมอ
โดยหากเราลงทุนในกิจการใดที่เราไม่มีความรู้เพียงพอในเรื่องนั้น ๆ แล้ว
อาจจะพลาดไปลงทุนในธุรกิจที่กำลัง Disrupt หรือ Disrupt ไปแล้ว
หรือหากลงทุนด้วยความไม่รอบคอบแล้ว ก็อาจจะถูกมิจฉาชีพหลอกลวงได้
ซึ่งในปัจจุบันก็มีการหลวงลวงให้ลงทุนโดยมิจฉาชีพจำนวนมาก
ผ่านทางสื่อต่าง ๆ ในระบบโซเชียลมีเดีย และมีผู้เสียหายในเรื่องดังกล่าวจำนวนมากครับ
(Disrupt ในที่นี้คือ การที่ธุรกิจดั้งเดิมถูกธุรกิจที่มีเทคโนโลยีใหม่ที่อิงดิจิตอลมาแทนที่ หรือทำให้ต้องปรับตัวขนานใหญ่)

ในส่วนของการประพฤติปฏิบัติธรรมนั้น เราพึงเจริญมรณานุสติอยู่เสมอ
กุศลธรรมใดที่ยังไม่ได้เจริญ ก็พึงเจริญกุศลธรรมนั้น
อกุศลธรรมใดที่ยังไม่ได้ละเลิก ก็พึงละเลิกอกุศลธรรมนั้น
ย่อมจะเป็นการปฏิบัติตนเพื่อให้อยู่รอดต่อไปได้ในวิกฤตินี้ครับ