Print

เพื่อนธรรมจารี - ฉบับที่ ๓๘๐

ngodngam1 

 งดงาม

  This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

 

   การดูแลจัดการศาสนสมบัติของวัด

        dhammajaree378

เมื่อช่วงกลางเดือนมิถุนายน ๒๕๖๔ ที่ผ่านมา
ได้มีข่าวว่ากรรมการวัดลาดไพรจิตร หมู่ ๑๓ ตำบลลาดตะเคียน
อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี ได้ร้องเรียนต่อเจ้าคณะตำบลว่า
เจ้าอาวาสมีความไม่โปร่งใสในการใช้เงินวัด
ที่ได้จากการทอดกฐินประจำปี ๒๕๕๗ - ๒๕๖๓ ดังต่อไปนี้
เงินกฐินปี ๒๕๕๗ จำนวนเงิน ๕๗๖,๐๐๐ บาท
เงินกฐินปี ๒๕๕๘ จำนวนเงิน ๓๗๐,๐๐๐ บาท
เงินกฐินปี ๒๕๕๙ จำนวนเงิน ๔๔๐,๐๐๐ บาท
เงินกฐินปี ๒๕๖๐ จำนวนเงิน ๔๕๐,๐๐๐ บาท
เงินกฐินปี ๒๕๖๑ จำนวนเงิน ๓๖๐,๐๐๐ บาท
เงินกฐินปี ๒๕๖๒ จำนวนเงิน ๒๒๖,๐๐๐ บาท
เงินกฐินปี ๒๕๖๓ จำนวนเงิน ๑๓๐,๐๐๐ บาท
รวมเป็นเงินจำนวนประมาณ ๒.๕ ล้านบาท
โดยในการทอดกฐินตั้งแต่ปี ๒๕๕๗ นั้น เจ้าอาวาสไม่ได้นำเงินเข้าบัญชีของวัด
ซึ่งเมื่อสอบถามเจ้าอาวาส ก็ได้รับคำตอบว่าใช้เงินในการบูรณะวัดไปหมดแล้ว
จึงได้ร้องเรียนเจ้าคณะตำบลให้ตรวจสอบการใช้จ่ายเงินดังกล่าว
ในเรื่องนี้ เจ้าคณะอำเภอกบินทร์บุรีได้สั่งการให้เลขาเจ้าคณะอำเภอ
และเจ้าคณะตำบลมาตรวจสอบ โดยในขณะนี้ เรื่องอยู่ระหว่างตรวจสอบ
http://innews.news/news.php?n=6885

โดยที่ในขณะนี้เรื่องตามข่าวดังกล่าวอยู่ระหว่างตรวจสอบ
จึงไม่ทราบว่าโดยแท้จริงแล้ว ได้มีการใช้เงินถูกต้องทั้งหมดจริง ๆ
หรือว่ามีการใช้จ่ายเงินโดยไม่ถูกต้องบ้างหรือไม่
แต่กรณีตามข่าวนี้ ก็เป็นอุทาหรณ์ให้เห็นว่าในการดูแลจัดการเงินของวัด
รวมถึงศาสนสมบัติต่าง ๆ ของวัดนั้น ควรจะต้องมีการทำบัญชี
และเก็บหลักฐานต่าง ๆ ให้สามารถตรวจสอบได้
เพื่อป้องกันปัญหา และการร้องเรียนต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นในภายหลัง
เพราะแม้ว่าจะได้จ่ายเงินไปอย่างถูกต้องทั้งหมดก็ตาม
แต่ว่าหากไม่มีบัญชี และเอกสารหลักฐานที่ตรวจสอบได้
ในเวลาที่ถูกร้องเรียนและตรวจสอบแล้ว
ก็ย่อมจะเป็นปัญหาใหญ่สำหรับผู้ดูแลจัดการศาสนสมบัตินั้นได้ครับ

ในการนี้ เพื่อให้การดูแลรักษา และบริการจัดการศาสนสมบัติเป็นไป
โดยถูกต้อง เหมาะสม และสามารถตรวจสอบได้
ทางรัฐบาลได้ออกกฎกระทรวง เรื่องการดูแลรักษา และจัดการศาสนสมบัติของวัด
พ.ศ. ๒๕๖๔ (ประกาศลงราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๖๔)
โดยมีข้อกำหนดที่สำคัญในหลาย ๆ เรื่อง ดังต่อไปนี้
๑. การได้ทรัพย์สินมาเป็นศาสนสมบัติของวัด ให้วัดลงทะเบียนทรัพย์สินนั้นไว้เป็นหลักฐาน
และเมื่อต้องจำหน่ายทรัพย์สินนั้น ไม่ว่าด้วยเหตุใด ให้จำหน่ายออกจากทะเบียน
โดยระบุเหตุแห่งการจำหน่ายไว้ด้วย

๒. การได้มาซึ่งที่ดินหรือสิทธิอันเกี่ยวกับที่ดิน เมื่อได้จดทะเบียนการได้มาตามกฎหมายแล้ว
ให้วัดในเขตกรุงเทพมหานครส่งหลักฐานการได้มา
เก็บรักษาไว้ที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
สำหรับวัดในเขตจังหวัดอื่นให้ส่งไปเก็บรักษาไว้ที่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนั้น

๓. การกันที่วัดไว้สำหรับเป็นที่จัดประโยชน์จะกระทำได้ต่อเมื่อ
สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเห็นชอบ และได้รับอนุมัติจากมหาเถรสมาคม

๔. การให้เช่าที่วัดที่กันไว้สำหรับเป็นที่จัดประโยชน์ ที่ธรณีสงฆ์ ที่กัลปนา
หรือสิ่งปลูกสร้างนั้น ให้เจ้าอาวาสจัดให้ไวยาวัจกรหรือผู้จัดประโยชน์ของวัด
ซึ่งเจ้าอาวาสแต่งตั้ง ทำทะเบียนทรัพย์สินที่จัดประโยชน์
ทะเบียนผู้เช่าหรือผู้อาศัยไว้ให้ถูกต้อง และให้วัดเก็บรักษาทะเบียน
และหนังสือสัญญาเช่าไว้เป็นหลักฐาน หรือจะฝากไว้กับ
สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติสำหรับวัดในเขตกรุงเทพมหานคร
หรือสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดสำหรับวัดในเขตจังหวัดอื่นก็ได้

ทั้งนี้ ในการให้เช่าดังกล่าวข้างต้น หากมีกำหนดระยะเวลาเกินสามปี
จะกระทำได้ต่อเมื่อสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเห็นชอบ
และได้รับอนุมัติจากมหาเถรสมาคมด้วย

๕. การให้เช่าที่วัดหรือที่ธรณีสงฆ์เพื่อเป็นทางเข้าออก
ไม่ว่าจะมีกำหนดระยะเวลากี่ปีก็ตาม จะกระทำได้ต่อเมื่อ
สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเห็นชอบและได้รับอนุมัติจากมหาเถรสมาคม
โดยให้วัดจัดทำเป็นสัญญาภาระจำยอม

๖. การเก็บรักษาเงินของวัดในส่วนที่เกินหนึ่งแสนบาทขึ้นไป
ให้เก็บรักษาโดยฝากธนาคารในนามของวัด
หรือวิธีการอื่นใดตามที่มหาเถรสมาคมกำหนด
การดูแลรักษาและจัดการเงินการกุศลที่มีผู้บริจาค ให้เป็นไปตามความประสงค์ของผู้บริจาค

๘. ให้เจ้าอาวาสจัดให้ไวยาวัจกรหรือผู้จัดประโยชน์ของวัดซึ่งเจ้าอาวาสแต่งตั้งทำบัญชี
รับจ่ายเงินของวัด และเมื่อสิ้นปีปฏิทินให้ทำบัญชีเงินรับจ่ายและคงเหลือ
ทั้งนี้ ให้เจ้าอาวาสตรวจตราดูแลให้เป็นไปโดยเรียบร้อยและถูกต้อง

๙. ในกรณีที่วัด เจ้าอาวาส ไวยาวัจกร หรือผู้จัดประโยชน์ของวัดถูกฟ้อง
หรือถูกหมายเรียกเข้าเป็นโจทก์ร่วมหรือจำเลยร่วมในเรื่องที่เกี่ยวกับ
การดูแลรักษาและจัดการศาสนสมบัติของวัด
ให้เจ้าอาวาสวัดในเขตกรุงเทพมหานครแจ้งต่อสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
หรือเจ้าอาวาสวัดในเขตจังหวัดอื่นให้แจ้งต่อสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนั้น
ภายในห้าวันนับแต่วันรับหมาย

๑๐. ให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติกำหนดแบบทะเบียน บัญชี แบบสัญญา
และแบบพิมพ์อื่น ๆ และวิธีการลงทะเบียน จำหน่ายทะเบียน และการทำบัญชี
รวมทั้งให้คำแนะนำ การปฏิบัติแก่วัดเกี่ยวกับการดูแลรักษาและจัดการศาสนสมบัติของวัด
เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการตามกฎกระทรวงนี้ ให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
จัดให้มีระบบอิเล็กทรอนิกส์สำหรับใช้ในการดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามกฎกระทรวงนี้ด้วย

๑๑. การจัดประโยชน์ในศาสนสมบัติของวัดที่ยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ
ก่อนวันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ ให้ดำเนินการตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๑๑)
ออกตามความใน พ.ร.บ. คณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ ต่อไป จนกว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จ

๑๒. ในระหว่างที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติยังไม่ได้กำหนดแบบทะเบียน
บัญชี แบบสัญญา และแบบพิมพ์อื่น ๆ ให้ใช้แบบทะเบียน บัญชี แบบสัญญา
และแบบพิมพ์อื่น ๆ ที่ออกตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๑๑)
ออกตามความใน พ.ร.บ. คณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ ไปพลางก่อน
จนกว่าจะมีแบบทะเบียน บัญชี แบบสัญญา และแบบพิมพ์อื่น ๆ ตามกฎกระทรวงนี้
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2564/A/040/T_0001.PDF
ราชกิจจาฯ เผยแพร่ประกาศกฎกระทรวงดูแลรักษาจัดการศาสนสมบัติวัด

เราจึงจะเห็นได้ว่าหากผู้ดูแลรักษา และบริการจัดการศาสนสมบัติของวัด
ได้ดำเนินการโดยครบถ้วนถูกต้องตามกฎกระทรวงข้างต้นแล้ว
ก็ย่อมจะป้องกันปัญหา หรือช่วยให้สามารถชี้แจงได้ครบถ้วนและชัดเจน
เมื่อได้มีการร้องเรียนและตรวจสอบการดูแลรักษา และจัดการศาสนสมบัติของวัดครับ