เพื่อนธรรมจารี - ฉบับที่ ๓๓๑

 งดงาม  

  This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

Disruptive Technology 

ในช่วงที่ผ่านมา เราคงจะได้ยินคำว่า Disruptive Technology กันบ่อย ๆ
ซึ่งคำว่า “Disruptive Technology” หมายถึง นวัตกรรมหรือเทคโนโลยี
ที่สร้างตลาดและมูลค่าให้กับตัวผลิตภัณฑ์ที่ใช้เทคโนโลยี
และส่งผลกระทบอย่างรุนแรง (disrupt) ต่อตลาดของผลิตภัณฑ์เดิม
รวมทั้งอาจจะทำให้ธุรกิจที่ใช้เทคโนโลยีแบบเดิม ๆ ล้มหายตายจากไป
ซึ่งต่างจากนวัตกรรมทั่วไปที่อาจจะเพียงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ
เพิ่มคุณภาพของสินค้า หรือลดต้นทุนกระบวนการผลิตแบบเดิม ๆ
https://thaipublica.org/2016/07/pipat-48/

ตัวอย่างของ Disruptive Technology เช่น เทปเพลง และซีดีเพลง
ถูกแทนที่ด้วยการฟังเพลงผ่านระบบดิจิทัล หรือระบบออนไลน์
วิดีโอเทปถูกแทนที่ด้วยแผ่นซีดี แผ่นดีวีดี หรือแผ่นบลูเรย์
เมื่อไม่นานมานี้ ญาติธรรมท่านหนึ่งได้ไปเดินดูเครื่องเล่นแผ่นบลูเรย์
เพื่อจะนำมาใช้เล่นกับแผ่นดีวีดี และก็ได้พบว่า
ผู้ผลิตแบรนด์ดังที่เคยซื้ออยู่นั้นได้เลิกผลิตเครื่องเล่นแผ่นบลูเรย์แล้ว
เนื่องจากแนวโน้มคนดูแผ่นดีวีดี และแผ่นบลูเรย์ลดลงมาก
โดยการดูภาพยนตร์ผ่านระบบอินเตอร์เน็ต (Streaming) ได้เข้ามาแทนที่

สิ่งเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตประจำวันของเรา
และกระทบต่อการประกอบอาชีพของเราด้วย
ยกตัวอย่างเช่น ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เราอาจจะได้เห็นข่าวว่า
ตลาดสำเพ็งซบเซามากที่สุดในรอบ ๕๐ ปี
โดยคาดว่ามาจากภาวะเศรษฐกิจ และการซื้อขายออนไลน์
https://tna.mcot.net/view/oCUYtdS
ซึ่งก็มีลูกค้าบางท่านได้ให้ความเห็นว่า
สถานการณ์เป็นเช่นนี้เนื่องมาจากพฤติกรรมของลูกค้าเปลี่ยนไปแล้ว
โดย "การซื้อ" และ "การเสพ" สินค้า ไม่ใช่การต้องไปเดินตากอากาศร้อน
แต่เป็นการซื้อและเสพผ่านอินเตอร์เน็ต หรือ Application
การเลือกสินค้าผ่านหน้าจอ การกดแอด Line
การโอนเงินผ่านอินเตอร์เน็ต หรือ Application
ซึ่งธุรกิจที่ไม่ทำออนไลน์ก็ย่อมจะประสบปัญหาลูกค้าลดลง

นอกจากนี้ ธุรกิจออนไลน์ยังสามารถขายสินค้าได้ในราคาถูกเหมือนขายส่ง
โดยลูกค้าเลือกสินค้าชิ้นเดียว ไม่ต้องเลือกสินค้าครึ่งโหล หรือหนึ่งโหล
ก็ขายได้ในราคาใกล้เคียงกัน โดยของทุกอย่างสามารถ Search ค้นหาได้หมด
โดยไม่ต้องไปเสียเวลาตื่นแต่เช้าเพื่อเดินเลือกหรือหาสินค้า
และผู้ค้าบางรายอาจจะสั่งสินค้าเองโดยตรงจากเมืองจีน
โดยผ่านเว็บขายสินค้าออนไลน์ของจีนก็ยังได้
https://www.onews.io/post/2405

ไม่ใช่แค่เพียงธุรกิจร้านค้าส่งหรือร้านค้าปลีกขนาดเล็กที่ได้รับผลกระทบ
แม้แต่ธุรกิจขนาดใหญ่ก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน เช่น
เมื่อต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เราคงจะได้เห็นข่าวว่า
ธนาคารไทยพาณิชย์ได้ประกาศปิดดีลขายธุรกิจประกันชีวิตทั้งหมด
ในบริษัท ไทยพาณิชย์ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ SCB Life
ให้แก่กลุ่มเอฟดับบลิวดี ซึ่งเป็นบริษัทประกันชีวิตระดับเอเชีย
ถือเป็นดีลการซื้อขายธุรกิจประกันชีวิตที่มีมูลค่าสูงสุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผน Transformation เพื่อรับมือ Digital Disruption
ท่ามกลางการแข่งขันในธุรกิจธนาคารที่รุนแรง
และการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
ซึ่งการทำธุรกิจวันนี้ต้อง Focus ชัดเจนที่ Core Business และตัดทิ้งสิ่งที่ไม่ถนัด
https://positioningmag.com/1237052

เราจึงจะเห็นได้ว่า Disruptive Technology ส่งผลกระทบต่อ
การดำรงชีวิตประจำวันของเรา และส่งผลกระทบต่อธุรกิจต่าง ๆ
รวมถึงการประกอบอาชีพของเราด้วย
ในการเตรียมความพร้อมสำหรับ Disruptive Technology นั้น
เราพึงเตรียมความพร้อมตนเองเพื่อรับความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น
ไม่ใช่ว่ามัวแต่โทษคนอื่น หรือโทษปัจจัยภายนอกสิ่งอื่น ซึ่งไม่เกิดประโยชน์ใด ๆ

ในการเตรียมความพร้อมตนเองนี้ หลักสำคัญที่ควรนำมาใช้
ได้แก่ หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนั่นเอง ซึ่งประกอบด้วย
คุณสมบัติ 3 ประการ ได้แก่
๑. ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดีที่ไม่น้อยเกินไปและไม่มากเกินไป
โดยไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น
เช่น การผลิตและการบริโภคที่อยู่ในระดับพอประมาณ
๒. ความมีเหตุผล หมายถึง การตัดสินใจเกี่ยวกับระดับความพอเพียงนั้น
จะต้องเป็นไปอย่างมีเหตุผล โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้อง
ตลอดจนคำนึงถึงผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการกระทำนั้นๆ อย่างรอบคอบ
๓. ภูมิคุ้มกัน หมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบ
และการเปลี่ยนแปลงด้านต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น
โดยคำนึงถึงความเป็นไปได้ของสถานการณ์ต่างๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต

นอกจากนี้ จะต้องประกอบด้วยเงื่อนไข ๒ ข้อ ได้แก่
๑. เงื่อนไขความรู้ ประกอบด้วย ความรอบรู้เกี่ยวกับวิชาการต่าง ๆ
ที่เกี่ยวข้องรอบด้าน ความรอบคอบที่จะนำความรู้เหล่านั้นมาพิจารณาให้เชื่อมโยงกัน
เพื่อประกอบการวางแผนและความระมัดระวังในการปฏิบัติ
๒. เงื่อนไขคุณธรรม ที่จะต้องเสริมสร้าง ประกอบด้วย
มีความตระหนักใน คุณธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริต
และมีความอดทน มีความเพียร ใช้สติปัญญาในการดำเนินชีวิต
http://www.chaipat.or.th/site_content/item/3579-2010-10-08-05-24-39.html

ยกตัวอย่างเช่น สมมุติว่า เราทำงานเป็นพนักงานรับเงินเดือนในองค์กร
การที่เราจะใช้จ่ายเงินในชีวิตส่วนตัว ก็พึงคำนึงถึงหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
ในส่วนของการทำงานเอง เราก็จะต้องมีความรู้ มีความอดทน ความเพียร
โดยหมั่นพัฒนาตนเองอยู่เสมอ ทั้งในด้านทักษะการทำงาน ความรู้
ประสิทธิภาพในการทำงาน และการบริหารจัดการงาน
โดยทำงานด้วยความขยันขันแข็ง เป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าขององค์กร
เพื่อเป็นการสร้างภูมิคุ้มกัน เตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบ
และการเปลี่ยนแปลงด้านต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น
ในทางกลับกัน หากเราปล่อยให้ตนเองอยู่เฉย ๆ โดยไม่พัฒนาในด้านใด ๆ
เมื่อเวลาผ่านไปแล้ว แม้ว่าค่าตอบแทนเราอาจจะได้ปรับเพิ่มขึ้นทุกปีก็ตาม
แต่เทคโนโลยีเปลี่ยนไป ความรู้ต่าง ๆ พัฒนาไปมาก
เท่ากับว่าเราถอยหลังไปเรื่อย ๆ และเราทำงานได้คุ้มค่าน้อยลง ๆ
จนถึงวันหนึ่งที่เราทำงานไม่คุ้มค่ากับค่าจ้างแล้ว ก็จะเกิดปัญหาแก่เราเอง

สมมุติว่า เราทำงานเป็นผู้บริหารหรือเจ้าของกิจการต่าง ๆ
ราก็พึงนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้ด้วยเช่นกัน
โดยการลงทุน การใช้จ่าย หรือการบริหารงาน ย่อมควรต้องประกอบด้วย
ความพอประมาณ ความมีเหตุผล และมีภูมิคุ้มกันที่กล่าวด้วย
ซึ่งก็ย่อมจะช่วยให้สามารถเตรียมความพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ได้

แม้ว่า Disruptive Technology จะเป็นความเปลี่ยนแปลงที่
ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตประจำวันของเรา
และส่งผลกระทบต่อธุรกิจต่าง ๆ รวมถึงการประกอบอาชีพของเราก็ตาม
แต่ในแง่ของการปฏิบัติธรรมนั้น ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรนะครับ
เพราะว่ากิเลสก็ยังเป็นโลภะ โทสะ และโมหะเช่นเดิม
วิธีการปฏิบัติธรรมเพื่อสู้กับกิเลสเหล่านี้ ก็คือ
ไตรสิกขา (ศีลสิกขา จิตตสิกขา และปัญญาสิกขา) เช่นเดิมครับ
ดังนั้นแม้ว่า Disruptive Technology จะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
ที่รุนแรงในด้านใด ๆ ในชีวิตเราก็ตาม
ซึ่งก็ควรจะแก้ไขปัญหาด้วยสติปัญญา ความอดทน ความเพียร
และคุณธรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง แต่ก็ไม่ควรให้การเปลี่ยนแปลงดังกล่าว
ส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติธรรมของเราครับ
ในทางกลับกัน การปฏิบัติธรรมอย่างแข็งแรงของเราย่อมจะมีส่วนช่วย
ให้เราสามารถปรับตัว ยอมรับ และรับมือกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นได้ดีขึ้น