Print

เพื่อนธรรมจารี - ฉบับที่ ๓๑๕

ngodngam1 งดงาม
  This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

 

 

 

ปรากฏการณ์ D&G


 dhammajaree315

ในช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา เราคงได้เห็นข่าว
ชาวจีนต่อต้านสินค้าแบรนด์ Dolce & Gabbana (D&G) นะครับ
เรื่องราวมีอยู่ว่าแบรนด์ D&G อยู่ระหว่างประชาสัมพันธ์
เพื่อการจัดกิจกรรมแฟชั่นโชว์ “The Great Show” ที่เมืองเซี่ยงไฮ้
แต่ก่อนหน้านั้น แบรนด์ D&G ได้เผยแพร่คลิปประชาสัมพันธ์
ที่ทำขึ้นเพื่อทำการตลาดในประเทศจีนในชุดชื่อว่า "ตะเกียบคีบ"
โดยเนื้อหาที่นำเสนอในคลิป คือผู้หญิงคนหนึ่ง
ใช้ตะเกียบคีบพิซซ่า และสปาเก็ตตี้ ซึ่งเป็นอาหารดังของอิตาลี
แต่ดูผิดที่ผิดทาง เหมือนคนกินไม่เป็น ไม่รู้จักวิธีการทานอาหารยุโรป
ซึ่งเป็นการเอาความแตกต่างทางวัฒนธรรมมานำเสนอในเชิงดูถูกเหยียดหยาม
จึงเกิดกระแสต่อต้านว่าคลิปดังกล่าวมีเนื้อหาในลักษณะดูถูกคนจีน

หลังเกิดกระแสต่อต้านขึ้นแล้ว แบรนด์ D&G จึงได้รีบลบคลิป
ออกจาก Account Weibo ของ Dolce & Gabbana
แต่ว่าไม่ทันแล้ว เพราะโลกออนไลน์ยังได้แชร์คลิปกันต่อไปไม่หยุด
โดยสถานการณ์ของแบรนด์ D&G ยิ่งแย่ลงกว่าเดิม
เมื่อ Stefano Gabbana ดีไซน์เนอร์และเจ้าของผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์นี้
ได้ตอบโต้สวนกระแสว่า “ที่ยอมลบคลิป เพราะมีคนกลัวบารมีจีน
ซึ่งหากเป็นเขา จะไม่ลบแน่นอน และจะบอกให้รู้ตรงนี้ว่า
ประเทศจีนเป็นประเทศที่ (อีโมจิรูปอุจจาระ)"

กรณีดังกล่าวทำให้เกิดกระแสต่อต้านอย่างรุนแรงในโลกออนไลน์จีน
โดยเหล่าคนดังในจีน โดยเฉพาะที่ต้องเข้าร่วมในแฟชั่นโชว์
“The Great Show” ของ D&G นั้น ได้ต่างพากันออกมาแสดงจุดยืนว่า
"ประเทศชาติต้องมาก่อน ไม่ขอร่วมแฟชั่นโชว์"
จนกระทั่งการแสดงแฟชั่นโชว์ ซึ่งทุ่มทุนจัดงานมหาศาลล่มและต้องยกเลิกไป
นอกจากนี้ ยังมีคนดังอีกมากมายของจีนที่ต่างยกเลิกข้อตกลงกับ D&G
และย้อนไปลบเรื่องทุกอย่างของตนที่เคยโพสต์เกี่ยวข้องกับแบรนด์นี้ด้วย

ต่อมา Stefano Gabbana ได้ออกมาแถลงว่า
อินสตาแกรม @stefanogabbana ของตนเองถูกแฮก (Hack)
และตนเองไม่ได้โพสต์ข้อความดูถูกประเทศจีนดังกล่าว
(ซึ่งก็น่าสงสารอินสตาแกรมที่ต้องตกเป็นเหยื่อของเหตุการณ์นี้ไปด้วย)
แต่ว่าการออกมาแถลงดังกล่าว ก็ไม่ช่วยเหลือสถานการณ์ใด ๆ
โดยเว็บไซต์/แพลตฟอร์มขายของออนไลน์เจ้าใหญ่ของจีน
เช่น ทีมอลล์ (Tmall), เจดี ด็อท คอม (JD.com),
เสี่ยวหงซู (Xiaohongshu) และรายอื่น ๆ
ต่างก็ได้ถอดสินค้าของ D&G ออกจากเว็บไซต์ของตนทั้งหมด
โดย Yangmatou ซึ่งเป็นอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ของจีนรายหนึ่ง
ได้ลบผลิตภัณฑ์ D&G จำนวน 58,000 รายการออกจากเว็บไซต์ทั้งหมด
หรือหากเข้าไปในเว็บไซต์ Tmall ของอาลีบาบากรุ๊ป
เพื่อเสิร์ชหรือค้นหาคำว่า "D&G" ไม่ว่าภาษาอังกฤษหรือภาษาจีนก็ตาม
ก็จะไม่พบสินค้าใด และไม่มีผลลัพธ์ใดเกิดขึ้น

ถามว่ากรณีดังกล่าวกระทบต่อสินค้าแบรนด์ D&G เพียงไร
ตอบว่า ชาวจีนและช่องทางการขายสินค้าผ่านระบบอีคอมเมิร์ซนั้น
ถือว่าสำคัญมากสำหรับแบรนด์หรูจากต่างประเทศ
โดยในปัจจุบัน D&G มีสาขากระจายอยู่ทั่วประเทศจีนถึง 25 เมือง
ซึ่งจากตัวเลขของสำนักวิจัย Bain & Company ระบุว่า
ในปัจจุบันชาวจีนถือเป็นตลาดสำคัญของสินค้าหรูหราฟุ่มเฟือย
กว่า 1 ใน 3 ของสินค้าฟุ่มเฟือยที่ขายกันอยู่ทั่วโลก
และคาดว่าในปี พ.ศ. 2568 (ค.ศ.2025) สัดส่วนผู้ที่ซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยทั่วโลก
จะเป็นผู้บริโภคชาวจีนมากถึงร้อยละ 46 เลยทีเดียว
เรียกได้ว่า ในขณะนี้ แบรนด์ D&G ทำให้ลูกค้าตนเองหายไป 1 ใน 3
https://mgronline.com/china/detail/9610000116470
https://mgronline.com/china/detail/9610000116987
https://mgronline.com/china/detail/9610000117277
https://www.thairath.co.th/content/1426956
https://www.rt.com/news/444560-dolce-gabbana-chinese-ad-racism/
https://www.rt.com/business/444647-china-dolce-gabbana-racist-ad/
https://www.rt.com/news/444754-dolce-gabbana-china-apology/

กรณีของแบรนด์ D&G ก็เป็นกรณีตัวอย่างที่น่าสนใจนะครับว่า
เนื่องด้วยสังคมโซเชียลมีเดียในปัจจุบันนี้ กระแสเกิดขึ้นได้รวดเร็วมาก
การที่จะโพสต์ข้อความใด ๆ ก็ควรที่จะต้องมีสติและระมัดระวังให้มาก
ไม่ใช่ว่าเราจะโพสต์หรือพิมพ์แปะอะไรก็ได้
โดยไม่คำนึงถึงหน้าที่ของเรา และผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น

ในกรณีความสามัคคีของกลุ่มชนชาวจีนในครั้งนี้
เป็นตัวอย่างที่ทำให้เห็นว่าหากผู้บริโภคมีความสามัคคีกันแล้ว
ก็ย่อมจะไม่ตกเป็นเบี้ยล่างของแบรนด์สินค้าใด ๆ
ความสามัคคีจึงมีประโยชน์มาก
ซึ่งในพระไตรปิฎกก็มีตัวอย่างในเรื่องความสามัคคีครับ
ใน วัสสการสูตร (พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย
สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต) พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงสอน
เรื่องอปริหานิยธรรม ๗ ประการในเรื่องของชาวแคว้นวัชชี

กล่าวคือ ในสมัยพุทธกาลนั้น พระเจ้าอชาตศัตรู
ซึ่งเป็นกษัตริย์แห่งแคว้นมคธ ประสงค์จะยกทัพไปรุกรานแคว้นวัชชี
จึงได้ตรัสเรียกวัสสการพราหมณ์มหาอำมาตย์มาปรึกษาในเรื่องดังกล่าว
วัสสการพราหมณ์ได้รับทราบพระประสงค์ของพระเจ้าอชาตศัตรูแล้ว
ก็ได้ไปเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ
ซึ่งหลังจากที่ได้ปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันแล้ว จึงได้กราบทูลว่า
พระเจ้าอชาตศัตรู กษัตริย์แห่งแคว้นมคธ ทรงมีพระประสงค์
จะยาตราทัพไปรุกรานชาวแคว้นวัชชี

ในเวลานั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสถามท่านพระอานนท์ว่า
เธอได้สดับมาแล้วดังนี้หรือว่า ๑. ชาววัชชีหมั่นประชุมกันเนืองนิตย์
๒. ชาววัชชีเมื่อประชุมก็พร้อมเพรียงกันประชุม
เมื่อเลิกประชุมก็พร้อมเพรียงกันเลิกประชุม
พร้อมเพรียงช่วยกันทำกิจที่ควรทำ
๓. ชาววัชชีไม่บัญญัติสิ่งที่ยังไม่ได้บัญญัติ ไม่เพิกถอนสิ่งที่บัญญัติแล้ว
ประพฤติมั่นอยู่ในธรรมของชาววัชชีตามที่ได้บัญญัติไว้ในครั้งก่อน
๔. ชาววัชชียังสักการะเคารพ นับถือ บูชา ชาววัชชีผู้ใหญ่
และย่อมสำคัญถ้อยคำแห่งท่านเหล่านั้นว่าเป็นถ้อยคำอันตนพึงเชื่อฟัง
๕. ชาววัชชีไม่ข่มขืนบังคับปกครองหญิงในสกุล
๖. ชาววัชชียังคงสักการะ เคารพ นับถือ บูชาเจติยสถานของชาววัชชี
ทั้งภายในภายนอก และไม่ลบล้างพลีกรรมอันชอบธรรมซึ่งเคยให้
เคยทำแก่เจติยสถานเหล่านั้น
๗. ชาววัชชีถวายความอารักขา ความคุ้มครอง ป้องกันอันชอบธรรม
ในพระอรหันต์ทั้งหลายเป็นอย่างดี ด้วยหวังว่า
ไฉนพระอรหันต์ทั้งหลายที่ยังไม่มา
พึงมาสู่แว่นแคว้น และที่มาแล้วพึงอยู่เป็นสุข

ท่านพระอานนท์ได้กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
ข้าพระองค์ได้สดับมาว่าชาววัชชียังคงประพฤติเช่นนั้น
พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า ตราบใดที่ชาววัชชียังคงประพฤติ
อปริหานิยธรรม ๗ ประการดังกล่าวนี้เพียงไร
พึงหวังความเจริญได้แน่นอน ไม่พึงหวังความเสื่อมเลยเพียงนั้น

วัสสการพราหมณ์ได้ฟังเช่นนั้นแล้ว จึงกราบทูลว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ชาววัชชีประกอบด้วยอปริหานิยธรรมแม้แต่ละประการ
ก็พึงหวังความเจริญได้แน่นอน ไม่พึงหวังความเสื่อมเลย
จะกล่าวไยถึงชาววัชชีผู้ประกอบด้วยอปริหานิยธรรม ๗ ประการเล่า
จากนั้นแล้ว จึงได้กราบทูลลาพระผู้มีพระภาคเจ้า

หลังจากนั้น วัสสการพราหมณ์ก็ได้ไปทำการยุยงให้ชาววัชชีแตกแยกกัน
แล้วก็ทำให้พระเจ้าอชาตศัตรู กษัตริย์แห่งแคว้นมคธ
สามารถยกทัพเข้ายึดแคว้นวัชชีได้เป็นผลสำเร็จ
http://www.84000.org/tipitaka/read/v.php?B=23&A=421&Z=526&pagebreak=0