Print

เพื่อนธรรมจารี - ฉบับที่ ๓๐๒

ngodngam1 งดงาม
  This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

 

 

ความโหดเหี้ยมของสังสารวัฏ

 

dhammajaree302

 

พวกเราบางท่านอาจจะรู้สึกว่า ชีวิตเรานี้มีความทุกข์ในหลาย ๆ เรื่อง
แต่ในขณะเดียวกัน เราก็มีความสุขในหลาย ๆ เรื่อง
ความทุกข์ที่ผ่านมาในชีวิตเรานั้น มันก็หนักอยู่ แต่ก็ยังพอทนได้นะ
สังสารวัฏนี้ไม่ได้โหดเหี้ยมหรือโหดร้ายทารุณกับเราเท่าไรนัก
ในใจลึก ๆ แล้ว เราก็ยังยินดีพอใจที่จะอยู่ในสังสารวัฏนี้ต่อไป
แต่จริง ๆ แล้ว สิ่งที่เราเห็นขณะนี้เป็นเพียงส่วนน้อยนะครับ
ความโหดเหี้ยมของสังสารวัฏนั้น แท้จริงแล้วโหดร้ายทารุณมาก

ผมขอยกตัวอย่างของการลงโทษในสังสารวัฏมาเล่าให้ฟังนะครับ
ใน “พาลบัณฑิตสูตร” (พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์)
พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงเล่าถึงวิธีการลงโทษโจรผู้กระทำผิด
ด้วยวิธีการต่าง ๆ ดังต่อไปนี้คือ โบยด้วยแส้บ้าง โบยด้วยหวายบ้าง
ตีด้วยตะบองสั้นบ้าง ตัดมือบ้าง ตัดเท้าบ้าง ตัดทั้งมือทั้งเท้าบ้าง
ตัดหูบ้าง ตัดจมูกบ้าง ตัดทั้งหูทั้งจมูกบ้าง
หม้อเคี่ยวน้ำส้มบ้าง (วางก้อนเหล็กแดงบนศีรษะ)
ขอดสังข์บ้าง (ถลกหนังศีรษะแล้วจัดให้ขาวเหมือนสังข์)
ปากราหูบ้าง (เอาไฟยัดปากจนเลือดไหลเหมือนปากราหู)
มาลัยไฟบ้าง (เอาผ้าพันตัวราดน้ำมันแล้วจุดไฟเผา)
คบมือบ้าง (เอาผ้าพันมือราดน้ำมันแล้วจุดไฟต่างคบ)
ริ้วส่ายบ้าง (ถลกหนังออกเป็นริ้ว ๆ ตั้งแต่คอถึงข้อเท้าแล้วให้ลุกเดินเหยียบหนังจนล้มลง)
นุ่งเปลือกไม้บ้าง (ถลกหนังตั้งแต่คอถึงบั้นเอว ทำให้เหมือนนุ่งผ้าคากรอง)
ยืนกวางบ้าง (สวมปลอกเหล็กที่ข้อศอกและเข่าแล้วเสียบหลาวทั้ง ๕ ทิศ เอาไฟเผา)
เกี่ยวเหยื่อเบ็ดบ้าง (ใช้เบ็ดเกี่ยวหนัง เนื้อ และเอ็นออกมา)
เหรียญกษาปณ์บ้าง (เฉือนเนื้อออกเป็นแว่น ๆ เหมือนเหรียญกษาปณ์)
แปรงแสบบ้าง (เฉือนหนัง เนื้อ เอ็นออก เหลือไว้แต่กระดูก)
กางเวียนบ้าง (เสียบให้ติดดินแล้วจับหมุนรอบ ๆ)
ตั่งฟางบ้าง (ทุบกระดูกให้แหลกแล้วจับผมขย่อน ๆ ให้เนื้อรวมกันเป็นกอง
แล้วตั้งไว้เหมือนตั่งทำด้วยฟางสำหรับเช็ดเท้า)
ราดด้วยน้ำมันเดือด ๆ บ้าง สุนัขทึ้งบ้าง นอนหงายบนหลาวทั้งเป็น ๆ บ้าง
ตัดศีรษะด้วยดาบบ้าง
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=14&A=6312&Z=6749&pagebreak=0

เมื่อเราพิจารณาวิธีการลงโทษข้างต้นแล้ว
เราอาจจะรู้สึกว่าการโดนตัดศีรษะด้วยดาบแต่แรก
ยังจะทรมานน้อยกว่าวิธีการลงโทษวิธีอื่นหลาย ๆ วิธีนะครับ

ทั้งนี้ แม้ว่าเราอาจจะรู้สึกว่าวิธีการลงโทษโจรผู้กระทำผิดที่กล่าวข้างต้น
เป็นวิธีการที่น่าสะพรึงกลัวแล้ว แต่หากจะเทียบกับการลงโทษในนรกแล้ว
ย่อมถือว่าการลงโทษข้างต้นนั้น เบามากแบบเทียบกันไม่ได้เลย
โดยพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเปรียบเทียบว่า
โจรร้ายที่ถูกลงโทษโดยถูกนำหอกร้อยเล่มไปแทงในเวลาเช้า
ถูกนำหอกร้อยเล่มไปแทงในเวลากลางวัน
และถูกนำหอกร้อยเล่มไปแทงในเวลาเย็น
ก็ยังถือว่าเป็นการลงโทษที่เบากว่าการลงโทษในนรกอย่างเทียบไม่ได้
เราก็คงนึกภาพไม่ออกนะครับว่า
การลงโทษในนรกนั้นมันจะโหดร้ายทารุณเพียงใด

พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเล่าให้ฟัง ดังนี้ครับ
เหล่านายนิรยบาลจะลงโทษทรมานคนทำชั่วในหลากหลายวิธีการ
เช่น วิธีการจองจำ ๕ แห่ง คือ ตรึงตะปูเหล็กร้อนแดงที่มือข้างที่ ๑ ข้างที่ ๒
ที่เท้าข้างที่ ๑ ข้างที่ ๒ และที่ทรวงอกตรงกลาง
หรือวิธีการจับขึงพืดแล้วเอาขวานถาก
หรือวิธีการจับเอาเท้าขึ้นข้างบน เอาหัวลงข้างล่าง แล้วถากด้วยพร้า
หรือวิธีการจับเอาเทียมรถแล้วให้วิ่งกลับไปกลับมา
บนแผ่นดินที่มีไฟติดทั่ว ลุกโพลงโชติช่วง
หรือวิธีการจับให้ปีนขึ้นปีนลงซึ่งภูเขาถ่านเพลิงลูกใหญ่
ที่มีไฟติดทั่ว ลุกโพลง โชติช่วง
หรือวิธีการจับโยนลงไปในหม้อทองแดงที่ร้อน
มีไฟติดทั่ว ลุกโพลง โชติช่วง โดยจะเดือดเป็นฟองอยู่ในหม้อทองแดงนั้น
บางทีก็เดือดลอยขึ้นข้างบนบ้าง จมลงข้างล่างบ้าง ลอยไปด้านขวางบ้าง
หรือจับโยนลงไปในมหานรก ซึ่งมีสี่มุม มีกำแพงเหล็กล้อมรอบ
ครอบไว้ด้วยแผ่นเหล็ก พื้นของมหานรกล้วนแล้วทำด้วยเหล็ก
มีไฟลุกโพลง โชติช่วง แผ่ไปตลอด ตั้งอยู่ตลอดกาล ทุกเมื่อ
โดยคนทำชั่วเหล่านี้ก็จะต้องรับโทษอยู่ในนรกนั้น
และไม่ตายไปจนกว่าบาปกรรมที่ได้ทำไว้นั้นจะให้ผลสิ้นสุด
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=14&A=6312&Z=6749&pagebreak=0

หลาย ๆ ท่านอาจจะรู้สึกว่าเราเองไม่ได้ทำกรรมชั่วอะไร
เราไม่ได้เป็นคนไม่ดีนะ เราคงไม่ตกนรกหรอก เราไม่เป็นไร
แต่ใครจะรับรองได้ครับว่า แม้ว่าเราอาจจะไม่ได้ประพฤติผิดในชาตินี้
(ซึ่งจริง ๆ แล้ว บางทีเราก็ประพฤติผิดล่ะ แต่เราไม่มีสติรู้ทัน หรือไม่รู้ว่ามันผิด)
เราจะไม่ประพฤติผิดไปตลอดในทุก ๆ ชาติ
เราจะไม่พลาดพลั้งไปกระทำผิดศีลธรรมเอง
หรือหลงไปคบคนพาลเป็นเพื่อนแล้ว โดนชักจูงให้ไปทำสิ่งผิดศีลธรรม
ซึ่งโอกาสที่จะเกิดสิ่งเหล่านั้นมันไม่ได้ยากเลย

แล้วเมื่อใดก็ตามที่เราพลาดพลั้งลงไปอบายภูมิแล้ว
โอกาสที่จะย้อนกลับมาเป็นมนุษย์เพื่อประพฤติและปฏิบัติธรรมนั้น
ย่อมเป็นสิ่งที่แสนจะยากเย็น และมีโอกาสน้อยมาก
เพราะว่าในนรกนั้น ไม่มีการประพฤติธรรม การประพฤติชอบ การทำกุศล
การทำบุญ มีแต่สัตว์นรกที่กินกันเอง สัตว์นรกที่เบียดเบียนสัตว์นรกที่อ่อนแอ
ความยากของการที่อยู่ในนรกแล้วจะกลับมาเป็นมนุษย์นั้น
เปรียบเทียบได้กับว่า บุรุษโยนทุ่นที่มีรูเดียวไปในมหาสมุทร
ทุ่นนั้นถูกลมตะวันออกพัดไปทางทิศตะวันตก
ถูกลมตะวันตกพัดไปทางทิศตะวันออก
ถูกลมเหนือพัดไปทางทิศใต้ ถูกลมใต้พัดไปทางทิศเหนือ
มีเต่าตาบอดอยู่ในมหาสมุทรนั้น ล่วงไปร้อยปีจึงจะโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำครั้งหนึ่ง
โอกาสที่เต่าตาบอดตัวนั้นจะสอดคอเข้าที่ทุ่นมีรูนั้นได้
ยังจะเร็วกว่า การที่คนชั่วไปสู่นรกคราวหนึ่งแล้วจะได้กลับมาเป็นมนุษย์

ดังนั้นแล้ว เราย่อมจะเห็นได้ว่าสังสารวัฏนี้มันโหดเหี้ยมมากนะครับ
และในชีวิตเราขณะนี้เองคือนาทีทองของสังสารวัฏแล้ว
พึงใช้เวลาให้เป็นประโยชน์สูงสุดเพื่อการมุ่งออกจากสังสารวัฏครับ