Print

เพื่อนธรรมจารี - ฉบับที่ ๒๙๖

pom auther งดงาม
  This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

 

 
ที่พึ่งของชีวิต (ตอนที่ ๑)

 

dhammajaree296

 

ชีวิตคนเราที่ไม่มีที่พึ่งย่อมจะเป็นทุกข์นะครับ
โดยพระผู้มีพระภาคเจ้าก็ได้ทรงสอนไว้ใน “นาถสูตร”
(พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต) ว่า
“เธอทั้งหลายจงเป็นผู้มีที่พึ่งอยู่เถิด อย่าเป็นผู้ไม่มีที่พึ่งอยู่เลย
เพราะว่าบุคคลผู้ไม่มีที่พึ่งย่อมอยู่เป็นทุกข์”

ด้วยความที่คนเราขาดแคลนที่พึ่ง จึงดิ้นรนขวนขวายหาที่พึ่งของชีวิต
บางคนขวนขวายหาทรัพย์สินเงินทองมาก ๆ เพื่อมุ่งอาศัยเป็นที่พึ่ง
บางคนขวนขวายสร้างกิจการงานให้เจริญรุ่งเรือง เพื่อมุ่งอาศัยเป็นที่พึ่ง
บางคนขวนขวายหาคู่ชีวิต เพื่อมุ่งอาศัยเป็นที่พึ่ง
บางคนขวนขวายที่จะมีบุตร เพื่อมุ่งอาศัยเป็นที่พึ่ง ฯลฯ
ซึ่งเราพึงพิจารณานะครับว่า สิ่งที่เรามุ่งหวังให้เป็นที่พึ่งแก่ชีวิตเรานั้น
มันจะเป็นที่พึ่งแก่ชีวิตเราได้จริงหรือไม่

หากเรามุ่งหวังทรัพย์สินเงินทองหรือกิจการงานเป็นที่พึ่งแล้ว
เราย่อมจะเห็นได้ว่าทรัพย์สิน เงินทองหรือกิจการงานนั้น
ก็ไม่ใช่สิ่งมั่นคงเที่ยงแท้ โดยมีเจริญ และมีเสื่อมไปตามโลกธรรม
ในขณะที่หากเรามุ่งหวังให้คู่ชีวิตหรือบุตรเป็นที่พึ่งแล้ว
เราย่อมจะเห็นได้ว่าแม้คู่ชีวิตหรือบุตรเองก็เกิด แก่ เจ็บ ตาย
และเป็นบุคคลที่มีความทุกข์เช่นเดียวกับเรา
เช่นนี้แล้ว เราจะพึ่งสิ่งเหล่านั้นหรือบุคคลเหล่านั้นได้อย่างไร

ในทำนองเดียวกัน ใน “ธชัคคสูตร” (พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค)
เล่าว่า ท้าวสักกะ (คือพระอินทร์) ได้สอนเหล่าเทวดาว่า
ในเวลาที่เหล่าเทวดารบในสงครามกับเหล่าอสูรนั้น
หากเกิดความหวาดกลัวขึ้นแล้ว ก็ให้แลดูไปที่ยอดธงของท้าวสักกะ
เพราะว่าเมื่อแลดูไปที่ยอดธงของท้าวสักกะแล้ว ความหวาดกลัวแล้วก็จะหายไป
หรือหากไม่แลดูไปที่ยอดธงของท้าวสักกะแล้ว
ก็ให้แลดูไปที่ยอดธงของท้าวปชาบดีเทวราช ยอดธงของท้าววรุณเทวราช
หรือยอดธงของท้าวอีสานเทวราช แล้วความหวาดกลัวก็จะหายไป

แต่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสอนว่า เมื่อเหล่าเทวดาได้แลดูยอดธงของท้าวสักกะก็ดี
ยอดธงของท้าวปชาบดีเทวราชก็ดี ยอดธงของท้าววรุณเทวราชก็ดี
หรือยอดธงของท้าวอีสานเทวราชก็ดี
ความหวาดกลัวที่มีขึ้นนั้นพึงหายไปได้บ้าง และไม่หายไปบ้าง
เพราะว่าแม้ท้าวสักกะ ท้าวปชาบดีเทวราช ท้าววรุณเทวราช
และท้าวอีสานเทวราชเองก็ตาม ก็ยังเป็นผู้ที่มีราคะ โทสะ โมหะ
และยังเป็นผู้ที่มีความหวาดกลัวอยู่
http://www.84000.org/tipitaka/read/v.php?B=15&A=7046&Z=7112&pagebreak=0

ฉันใดก็ฉันนั้น หากเราไปมุ่งหวังให้บุคคลอื่นเป็นที่พึ่ง
แต่บุคคลที่เรามุ่งหวังให้เป็นที่พึ่งนั้นเอง ก็ยังทุกข์และยังเอาตัวไม่รอดเลย
แล้วเราจะหวังให้บุคคลนั้นเป็นที่พึ่งแก่เราได้อย่างไร

เช่นนี้แล้ว เราพึงจะทำอย่างไรเพื่อให้เราเป็นผู้มีที่พึ่ง?
ใน “นาถสูตร” (พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต)
ได้สอนว่าบุคคลพึงกระทำธรรม ๑๐ ประการเพื่อให้ตนเองมีที่พึ่ง
(หรือเรียกว่า นาถกรณธรรม ๑๐) ได้แก่
๑. ศีล คือความประพฤติดีงามสุจริต
๒. พาหุสัจจะ คือความเป็นผู้ได้ศึกษาเล่าเรียนมาก
๓. กัลยาณมิตตตา คือการคบคนดี
๔. โสวจัสสตา คือความเป็นผู้ว่าง่ายสอนง่าย รับฟังเหตุผล
๕. กิงกรณีเยสุ ทักขตา คือการเอาใจใส่ช่วยในกิจใหญ่น้อยของหมู่คณะ
๖. ธัมมกามตา คือความเป็นผู้ใคร่ธรรม
๗. วิริยารัมภะ คือความขยันหมั่นเพียรละความชั่ว ประกอบความดี
๘. สันตุฏฐี คือความสันโดษ ยินดีพอใจด้วยปัจจัย ๔ ที่หามาได้โดยชอบ
๙. สติ คือความมีสติ ไม่มีความประมาท
๑๐. ปัญญา คือความมีปัญญาหยั่งรู้เหตุผล
เข้าใจภาวะของสิ่งทั้งหลายตามความเป็นจริง
http://www.84000.org/tipitaka/read/byitem.php?book=24&item=17&items=1&preline=0&pagebreak=0
http://www.84000.org/tipitaka/dic/d_item.php?i=324
ธรรม ๑๐ ประการข้างต้นนี้เป็นธรรมที่จะทำให้เราเป็นผู้มีที่พึ่งครับ

(ขอไปคุยต่อในตอนหน้าครับ)