เพื่อนธรรมจารี - ฉบับที่ ๒๗๕
งดงาม
This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
ใต้ร่มพระบารมี (๑๐) โครงการแก้มลิง
ในปี ๒๕๓๘ ได้เกิดเหตุอุทกภัยครั้งใหญ่ครั้งหนึ่งในประเทศไทย
โดยเหตุการณ์อุทกภัยครั้งนี้เริ่มขึ้นในเดือนสิงหาคม ๒๕๓๘
เมื่อเกิดพายุหลายลูกพัดกระหน่ำเข้าสู่ประเทศไทย โดยเฉพาะพายุโอลิส
ทำให้เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมในทั่วทุกภาคของประเทศไทย
และน้ำเหนือได้ไหลลงสู่ภาคกลาง รวมถึงพื้นที่กรุงเทพมหานครอีกด้วย
สรุปความเสียหายปรากฏว่าน้ำท่วมทั้งสิ้น ๖๘ จังหวัด ๕๘๕ อำเภอ
มีผู้ได้รับความเดือดร้อนประมาณ ๔.๕ ล้านคน คิดเป็น ๑,๑๖๓,๘๗๑ ครอบครัว
เสียชีวิต ๒๖๐ คน มูลค่าความเสียหาย (ไม่รวมสิ่งสาธารณูปโภค) กว่า ๖ พันล้านบาท
ซึ่งนับเป็นอุทกภัยที่ร้ายแรงที่สุดในประเทศไทยที่เกิดขึ้นในรอบ ๔๐ ปี
จากเหตุการณ์อุทกภัยในปี ๒๕๓๘ ดังกล่าว ในหลวงรัชกาลที่ ๙ จึงได้ทรงพระราชทาน
แนวพระราชดำริในการแก้ไขปัญหาท่วม โดยวิธีการจัดหาสถานที่เก็บกักน้ำตามจุดต่าง ๆ
เพื่อรองรับน้ำฝนไว้ชั่วคราว แล้วเมื่อถึงเวลาที่คลองพอจะระบายน้ำได้
จึงค่อยระบายน้ำจากส่วนที่กักเก็บไว้ออกไป อันย่อมจะสามารถลดปัญหาน้ำท่วมได้
โดยแนวพระราชดำรินี้เรียกว่า “โครงการแก้มลิง”
แนวคิดของโครงการแก้มลิงเกิดจากที่การในหลวงรัชกาลที่ ๙
มีพระราชดำริถึง ลิงที่อมกล้วยไว้ในกระพุ้งแก้มได้คราวละมาก ๆ
ทรงอธิบายว่า ลิงโดยทั่วไป ถ้าเราส่งกล้วยให้
ลิงจะรีบปอกเปลือก เอาเข้าปากเคี้ยว แล้วนำไปเก็บไว้ที่แก้มก่อน
ลิงจะทำอย่างนี้จนกล้วยหมดหวี หรือเต็มกระพุ้งแก้ม
จากนั้นจะค่อย ๆ นำออกมาเคี้ยว และกลืนกินภายหลัง
ด้วยแนวพระราชดำรินี้ จึงเกิดเป็นโครงการแก้มลิงขึ้น
เพื่อสร้างพื้นที่กักเก็บน้ำ ไว้รอการระบาย และเพื่อใช้ประโยชน์ในภายหลัง
อนึ่ง สำหรับท่านผู้อ่านที่สนใจ สามารถชมเหตุการณ์ซึ่ง
ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงพระราชทานแนวพระราชดำริเรื่องโครงการแก้มลิง
เมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๓๘ ได้ตามลิ้งค์นี้ครับ
https://youtu.be/eY4CCvN4YdI
ลักษณะของโครงการแก้มลิงจะดำเนินการระบายน้ำออกจากพื้นที่ตอนบน
เพื่อให้น้ำไหลลงคลองพักน้ำที่ชายทะเล
จากนั้น เมื่อระดับน้ำทะเลลดลงจนต่ำกว่าน้ำในคลอง
น้ำในคลองจะไหลลงสู่ทะเลตามธรรมชาติ
ต่อจากนั้น จะเริ่มสูบน้ำออกจากคลองที่ทำหน้าที่แก้มลิง
เพื่อทำให้น้ำตอนบนค่อยๆ ไหลมาเอง จึงทำให้เกิดน้ำท่วมพื้นที่ลดน้อยลง
จนในที่สุดเมื่อระดับน้ำทะเลสูงกว่าระดับในคลอง จึงปิดประตูระบายน้ำ
โดยให้น้ำไหลลงทางเดียว (One Way Flow)
โครงการแก้มลิงมี ๓ ขนาด คือ
๑. แก้มลิงขนาดใหญ่ คือ สระน้ำหรือบึงขนาดใหญ่ ที่รวบรวมน้ำฝนจากพื้นที่บริเวณนั้น ๆ
โดยจะกักเก็บไว้เป็นระยะเวลาหนึ่งก่อนที่จะระบายลงสู่ลำน้ำ
พื้นที่เก็บกักน้ำเหล่านี้ได้แก่ เขื่อน อ่างเก็บน้ำ ฝาย ทุ่งเกษตรกรรม เป็นต้น
ลักษณะสิ่งก่อสร้างเหล่านี้จะมีวัตถุประสงค์อื่นประกอบด้วย
เช่น เพื่อการชลประทาน เพื่อการประมง เป็นต้น
๒. แก้มลิงขนาดกลาง เป็นพื้นที่ชะลอน้ำที่มีขนาดเล็กกว่า ก่อสร้างในระดับลุ่มน้ำ
มักเป็นพื้นที่ธรรมชาติ เช่น หนอง บึง คลอง เป็นต้น
๓. แก้มลิงขนาดเล็ก คือแก้มลิงที่มีขนาดเล็กกว่า อาจเป็นพื้นที่สาธารณะ
สนามเด็กเล่น ลานจอดรถ หรือสนามในบ้าน ซึ่งต่อเข้ากับระบบระบายน้ำหรือคลอง
ทั้งนี้ แก้มลิงที่อยู่ในพื้นที่เอกชน เรียกว่า “แก้มลิงเอกชน”
ส่วนที่อยู่ในพื้นที่ของราชการและรัฐวิสาหกิจจะเรียกว่า “แก้มลิงสาธารณะ”
การจัดหาและออกแบบโครงการแก้มลิง หรือการพิจารณาจัดหาพื้นที่กักเก็บน้ำนั้น
ต้องทราบปริมาตรน้ำผิวดินและอัตราการไหลผิวดินที่มากที่สุด
ที่จะยอมปล่อยให้ออกได้ในช่วงเวลาฝนตก
โดยสิ่งสำคัญคือ ต้องจัดหาพื้นที่กักเก็บให้พอเพียง เพื่อจะได้ไม่เป็นปัญหาในการระบายน้ำ
พระราชดำริเรื่องโครงการแก้มลิงนี้ได้อำนวยประโยชน์สุขให้แก่ประชาชนในหลายจังหวัด
(รวมทั้งกรุงเทพมหานคร) ให้สามารถรอดพ้นจากอุทกภัยหรือภัยน้ำท่วมในแต่ละปี
ซึ่งนอกจากโครงการแก้มลิงจะสามารถช่วยการระบายน้ำ เพื่อป้องกันปัญหาน้ำท่วมแล้ว
ยังเป็นการช่วยกักเก็บน้ำไว้ใช้ในยามที่ต้องการ
และยังเป็นการอนุรักษ์น้ำ และสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
เนื่องจากน้ำที่ถูกกักเก็บไว้ เมื่อถูกระบายสู่คูคลอง จะช่วยบำบัดน้ำเน่าเสียให้เจือจางลง
ก่อนที่จะผลักดันน้ำเสียเหล่านี้ให้ระบายออกไป
ในฤดูฝนแต่ละปีที่เราอาจจะพบว่าพื้นที่ที่เราพักอาศัยนั้นมีฝนตกมาก
แต่ไม่ปรากฏว่ามีน้ำท่วม หรือพื้นที่สามารถระบายน้ำฝนออกไปได้รวดเร็ว
ยกตัวอย่างเช่น กรุงเทพมหานคร และจังหวัดใกล้เคียง เป็นต้นนั้น
นั่นก็เป็นเพราะพระราชดำริในเรื่องโครงการแก้มลิงที่ได้ทรงพระราชทานไว้
บางท่านที่อาศัยในพื้นที่กรุงเทพมหานครอาจจะบอกว่ามีน้ำท่วมในบางถนน
หรือบางพื้นที่นานถึง ๒ หรือ ๓ ชั่วโมงเลยนะ
แต่ในส่วนนั้นเป็นเรื่องการระบายน้ำจากท่อระบายน้ำไปที่แก้มลิงครับ
ซึ่งหากไม่มีแก้มลิงรับน้ำเอาไว้ก่อน แต่ให้ทำการระบายน้ำลงทะเลโดยตรงแล้ว
น้ำอาจจะท่วมถนนหรือพื้นที่นั้น ๆ นานหลายวันหรืออาจจะเป็นเดือน
ดังเช่นที่ได้เคยเกิดขึ้นแล้วในอดีต ซึ่งย่อมจะก่อความเสียหายอย่างมาก
ข้อมูลอ้างอิง:
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%81%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2_%E0%B8%9E.%E0%B8%A8._2538
http://www.xn--12co9drbac8a9as5aiidh8isei1npa.com/content/index.php?page=content&type=view&cat=17&id=193
https://youtu.be/eY4CCvN4YdI
http://www.chaipat.or.th/site_content/67-5/248-theory-of-flooding-problems-due-to-royal-by-way-of-management-of-flood-overflow.html