Print

เพื่อนธรรมจารี - ฉบับที่ ๒๖๐

ngod-ngam2 งดงาม
  This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

 

เตรียมรับวิกฤติการเงิน

 

 dhammajaree260

ท่านที่ติดตามข่าวในสื่อทางเลือกใน Social Media ในช่วงเวลาที่ผ่านมา
คงพอจะทราบถึงข่าวเกี่ยวกับแนวโน้มของวิกฤติการเงินของประเทศอเมริกา
ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในทุกเวลาในขณะนี้
เนื่องจากประเทศอเมริกาได้พิมพ์เงินดอลลาร์ออกมาใช้จำนวนมหาศาล
โดยที่ไม่มีทองคำหนุนหลัง และยังได้ก่อหนี้จำนวนมหาศาล อย่างไม่มีปัญญาใช้หนี้ได้

เมื่อไม่นานนี้ Dr. Ron Paul ซึ่งเป็นอดีตสมาชิกสภาคองเกรสมา 22 ปี
ได้ออกมากล่าวเตือนประชาชนชาวอเมริกันถึงวิกฤติการณ์หายนะทางการเงิน
ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอเมริกา โดยได้อธิบายว่า
ในปี ค.ศ. 2006 นั้น อเมริกามีหนี้ภาครัฐอยู่จำนวน 8.5 ล้านล้านดอลล่าร์
ซึ่งอเมริกาใช้เวลาถึง 216 ปีในการก่อหนี้จำนวนดังกล่าวขึ้นมา
คือตั้งแต่ปี ค.ศ. 1970 ถึง 2006
แต่ว่าในช่วงเวลาเพียง 8 ปีที่ผ่านมา คือปี ค.ศ. 2006 ถึง 2014 นั้น
อเมริกาได้สร้างหนี้ภาครัฐเพิ่มอีกเป็นจำนวน 8.5 ล้านล้านดอลล่าร์
กล่าวคืออเมริกาได้สร้างหนี้เพิ่มอีกเท่าตัวในเวลาเพียง 8 ปี
และอเมริกาไม่มีหนทางใดโดยชอบที่จะสามารถคืนหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ได้

นอกจากนี้ อเมริกาได้พิมพ์เงินจำนวนมหาศาลออกมาใช้โดยไม่มีทองคำหนุนหลัง
ในปี 2009 นั้น อเมริกาได้พิมพ์เงินออกมาใช้เป็นจำนวน 1 ล้านล้านดอลล่าร์
แต่เมื่อมาถึงปี 2015 จำนวนเงินที่พิมพ์ออกมาใช้โดยไม่มีทองคำหนุนหลังนี้
ได้เพิ่มเป็นจำนวนถึง 4 ล้านล้านดอลล่าร์ กล่าวคือเพิ่มอีก 3 ล้านล้านดอลล่าร์

ในปัญหาเรื่องนี้ Dr. Ron Paul เล่าว่า
มีครั้งหนึ่งเขาได้เคยนั่งเฮลิคอปเตอร์ไปกับอดีตประธานาธิบดีโรแนล เรแกน
และได้ถามนายโรแนล เรแกนเกี่ยวกับปัญหาเรื่องการพิมพ์เงินของอเมริกานี้
โดยนายโรแนล เรแกนได้ตอบว่า “ไม่มีประเทศที่ยิ่งใหญ่ประเทศไหน
ซึ่งละเลยมาตรฐานทองคำจะคงความเป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่ได้”
(No great nation that abandoned the gold standard
has remained a great nation.)

นอกจากนี้ Dr. Ron Paul ได้เคยพบนายอลัน กรีนสแปน
ในขณะที่นายอลัน กรีนสแปนยังดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางของอเมริกา
(Federal Reserve) และได้ถามคำถามเรื่องเดียวกันนี้
นายอลัน กรีนสแปนตอบว่าเขายังคงยึดถือตามวิทยานิพนธ์ที่เขาเคยทำในอดีต
ว่าการที่ปราศจากมาตรฐานทองคำนั้น
ย่อมไม่สามารถป้องกันการที่เงินออมถูกลดค่าจากเงินเฟ้อ
และไม่มีวิธีการที่ปลอดภัยในการป้องกันมูลค่าทรัพย์สิน
(In the absence of gold standard, there is no way to protect
savings from confiscation through inflation.
There is no safe store of value.)

Dr. Ron Paul บอกว่าเป็นที่น่าเสียใจมากที่ทั้งนายโรแนล เรแกน
และนายอลัน กรีนสแปนต่างรู้ว่าสิ่งที่ควรต้องทำคืออะไร
แต่ก็ไม่ได้ทำสิ่งที่ควรต้องทำเหล่านั้น ซึ่งก็ได้ส่งผลจะให้เกิดวิกฤติขึ้นในปัจจุบัน
ในท้ายที่สุดแล้ว Dr. Ron Paul ได้แนะนำแก่ประชาชนอเมริกันว่า
ควรศึกษาข้อมูลให้มีความรู้ในเรื่องที่เกี่ยวข้องมากขึ้น
เพื่อที่จะสามารถเตรียมพร้อมรับวิกฤติการเงินที่จะเกิดขึ้นได้ดีขึ้น
โดยไม่ควรจะไปคาดหวังว่ารัฐบาลกลางจะมาช่วยแก้ไขปัญหานี้ให้ได้
ทั้งนี้ หากประชาชนมัวแต่รอไปเรื่อย และไม่ได้เตรียมพร้อมอะไรเลย
จนกระทั่งประเทศต่าง ๆ สูญสิ้นความเชื่อถือในเงินดอลล่าร์
และวิกฤติการเงินได้เริ่มส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้น ตลาดการเงิน
รวมทั้งสถาบันการเงินทั้งหลายแล้ว ถึงเวลานั้นก็จะสายเกินไป
ดังนั้นแต่ละคนจึงควรเริ่มศึกษาและเตรียมความพร้อมสำหรับตนเองนับแต่บัดนี้
https://youtu.be/f-3qtSo5fO8

ที่เล่ามาข้างต้นเป็นเรื่องของแนวโน้มในการเกิดวิกฤติการเงินในอเมริกา
ซึ่งแม้จะไม่ใช่เรื่องของประเทศไทยเราโดยตรง
แต่ผลของวิกฤติการเงินในอเมริกาก็ย่อม
จะส่งผลกระทบต่อประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยด้วย
ดังนั้นแล้ว ในส่วนของเราเองก็ควรจะต้องเตรียมความพร้อมไว้ด้วยเช่นกัน

ในเรื่องของการเตรียมพร้อมรับวิกฤติการเงินของอเมริกานี้
ผมก็ได้สนทนาในกลุ่มญาติธรรมบางท่านและบางกลุ่มอยู่บ้าง
โดยที่เรื่องหลัก ๆ ที่แนะนำให้เตรียมพร้อมในระหว่างนี้ ได้แก่
1. หลีกเลี่ยงการลงทุนหรือซื้อทรัพย์สินที่ใช้เงินสูง ๆ หรือการสร้างหนี้ใด ๆ
2. ประหยัดการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น และพยายามลดหนี้สินลง
3. หลีกเลี่ยงการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงสูง
และจัดสรรพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสม
โดยแบ่งลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงต่ำด้วย
(ซึ่งบางท่านก็แนะนำให้แบ่งการลงทุนในทองคำด้วย
เพราะเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยในกรณีที่กลับไปใช้มาตรฐานทองคำ)

สำหรับการเตรียมพร้อมรับวิกฤติการเงินนี้
แม้ว่าเราจะไม่สามารถรู้ได้อย่างเป็นที่แน่นอนว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไรก็ตาม
แต่การเตรียมพร้อมไว้โดยไม่ประมาท
ก็ย่อมจะไม่เสียหายอะไร และย่อมจะเป็นประโยชน์ในกรณีที่เกิดวิกฤติขึ้น
โดยหากเราไม่ได้เตรียมความพร้อมของเราไว้ก่อนแล้ว
เมื่อวิกฤตการเงินได้เกิดขึ้นจริงแล้ว เราจะไปเตรียมพร้อมในเวลานั้น
ก็ย่อมจะสายเกินไป และย่อมเกิดความเสียหายแก่เราอย่างมาก

แม้ว่าเราควรจะเตรียมความพร้อมสำหรับวิกฤติการเงินที่อาจจะเกิดขึ้นนี้ก็ตาม
ในชีวิตเราเองก็ยังมีภัยอื่นที่สำคัญกว่าและร้ายแรงกว่าวิกฤติการเงินนี้เสียอีก
นั่นก็คือภัยจากความแก่ ความเจ็บ และความตาย
โดยเป็นภัยที่เราทุกคนจะต้องได้ประสบพบอย่างแน่นอนโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้
เราทุกคนจึงพึงเตรียมความพร้อมของตนเองให้พร้อมที่จะรับภัยเหล่านี้ด้วย

ใน “อภิณหปัจจเวกขณธรรมสูตร” (พระสุตตันตปิฎก
อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต) ได้สอนถึง
ธรรม 10 ประการอันบรรพชิตพึงพิจารณาเนือง ๆ
ซึ่งผมจะขอยกมาบางประการเฉพาะที่เห็นว่าเหมาะสมกับฆราวาส ได้แก่
พึงพิจารณาเนืองๆ ว่า อากัปกิริยาอย่างอื่นอันเราควรทำมีอยู่
พึงพิจารณาเนืองๆ ว่า เราย่อมติเตียนตนเองได้ โดยศีลหรือไม่
พึงพิจารณาเนืองๆ ว่า เพื่อนพรหมจรรย์ทั้งหลายผู้เป็นวิญญูชน
พิจารณาแล้ว ติเตียนเราได้โดยศีลหรือไม่
พึงพิจารณาเนืองๆ ว่า เราจะต้องพลัดพรากจากของรักของชอบใจทั้งสิ้น
พึงพิจารณาเนืองๆ ว่า เราเป็นผู้มีกรรมเป็นของตน เป็นทายาทของกรรม
มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย
เราจักทำกรรมใด ดีหรือชั่วก็ตาม เราจักต้องเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น
พึงพิจารณาเนืองๆ ว่า วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เราทำอะไรอยู่
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=24&A=2110&Z=2128&pagebreak=0