Print

เพื่อนธรรมจารี - ฉบับที่ ๒๑๘

คุยเรื่องสุขภาพ (๑๑) – กรรม

ngod-ngam2 งดงาม
  This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

 

dharmajaree 218 

(ต่อจากฉบับที่ ๒๑๗ คุยเรื่องสุขภาพ (ตอนที่ ๑๐) น้ำปัสสาวะ)

ในบทความคุยเรื่องสุขภาพ (ตอนที่ ๓) เรื่อง “เหตุที่ทำให้ป่วย” นั้น
เราได้คุยกันถึงเหตุปัจจัยที่ทำให้ร่างกายเจ็บป่วย
โดยได้ยกบางพระสูตรที่กล่าวถึงเหตุปัจจัยที่ทำให้เกิดเวทนาหรืออาพาธ
ซึ่งเหตุปัจจัยประการหนึ่งที่ทำให้เกิดเวทนาหรืออาพาธก็คือผลกรรมหรือวิบากกรรม
เช่น ใน “อาพาธสูตร” กล่าวว่า อาพาธเกิดแต่วิบากของกรรมก็ได้
ใน “ปุตตสูตร” กล่าวว่า เวทนาเกิดแต่ผลกรรมก็ได้ ทำให้มีอาพาธมาก
ใน “สุขุมาลสูตร” กล่าวว่าเวทนาเกิดเพราะผลกรรมก็ได้ ทำให้มีอาพาธมาก เป็นต้น

ถึงแม้ว่าในพระสูตรเหล่านี้จะบอกว่าผลกรรมเป็นเหตุปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดอาพาธก็ตาม
แต่หากเราพิจารณากันถึงเหตุปัจจัยอื่น ๆ ที่ทำให้เกิดอาพาธแล้ว
รวมลงทั้งหมดก็เห็นได้ว่าเกิดจากกรรมทั้งสิ้น
เช่น ทานอาหารไม่เหมาะสมหรือไม่สมดุล ไม่ออกกำลังกายให้เหมาะสม
ทำงานหนักเกิน ไม่พักผ่อนให้เพียงพอ จิตใจเคร่งเครียดไม่ผ่อนคลาย เป็นต้น
ก็ล้วนแล้วแต่เกิดจากกรรมที่เราได้ทำเองทั้งนั้น

บางท่านอาจจะแย้งว่าหากเหตุปัจจัยที่ทำให้ป่วยคือฤดูแปรปรวนแล้ว ก็ไม่ใช่กรรมของเรา
ในประเด็นนี้ ขอเรียนว่าในเมื่อฤดูแปรปรวนแล้ว ก็ไม่ได้แปลว่าเราจะต้องป่วย
หากเราสามารถดูแลรักษาร่างกายให้ดี เราก็อาจจะไม่ป่วยก็ได้
ดังนั้น สาเหตุที่เกี่ยวข้องก็มาจากกรรมของเรา
นอกจากนี้แล้ว การที่เราไปอยู่ในสถานที่หรือพื้นที่ที่มีฤดูกาลแปรปรวน
และอากาศเปลี่ยนแปลงนั้น ก็เกิดจากกรรมที่เราทำด้วยเช่นกัน
ฉะนั้นแล้ว ต้นเหตุของความเจ็บป่วยทั้งปวงก็ล้วนแล้วแต่มาจากกรรมที่เราทำครับ

ใน “จูฬกัมมวิภังคสูตร” (พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์)
เล่าว่าในสมัยหนึ่ง สุภมาณพ โตเทยยบุตรได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า
อะไรหนอแล เป็นเหตุ เป็นปัจจัยให้พวกมนุษย์ทั้งหลายย่อมมีอายุสั้น มีอายุยืน
มีโรคมาก มีโรคน้อย มีผิวพรรณทราม มีผิวพรรณงาม ฯลฯ

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน เป็นทายาทแห่งกรรม
มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย
กรรมย่อมจำแนกสัตว์ให้เลวและประณีตได้ ฯลฯ
บุคคลบางคนในโลกนี้เป็นผู้มักทำชีวิตสัตว์ให้ตกล่วง เป็นคนเหี้ยมโหด
มีมือเปื้อนเลือด หมกมุ่นในการประหัตประหาร ไม่เอ็นดูในเหล่าสัตว์มีชีวิต
เขาตายไป จะเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก เพราะกรรมนั้น
หากตายไปแล้วไม่เข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก
ถ้าเกิดมาเป็นมนุษย์ ณ ที่ใดๆ ในภายหลัง จะเป็นคนมีอายุสั้น
โดยปฏิปทาเป็นไปเพื่อมีอายุสั้นนี้ คือ เป็นผู้มักทำชีวิตสัตว์ให้ตกล่วง
เป็นคนเหี้ยมโหด มีมือเปื้อนเลือด หมกมุ่นในการประหัตประหาร ไม่เอ็นดูในเหล่าสัตว์มีชีวิต

ส่วนบุคคลบางคนในโลกนี้ละปาณาติบาตแล้ว
เป็นผู้เว้นขาดจากปาณาติบาต วางอาชญา วางศาตราได้ มีความละอาย
ถึงความเอ็นดู อนุเคราะห์ด้วยความเกื้อกูลในสรรพสัตว์และภูตอยู่
เขาตายไป จะเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เพราะกรรมนั้น
หากตายไปแล้วไม่เข้าถึงสุคติโลกสวรรค์
ถ้าเกิดมาเป็นมนุษย์ ณ ที่ใดๆ ในภายหลัง จะเป็นคนมีอายุยืน
โดยปฏิปทาเป็นไปเพื่อมีอายุยืนนี้ คือ ละปาณาติบาตแล้ว
เป็นผู้เว้นขาดจากปาณาติบาต วางอาชญา วางศาตราได้ มีความละอาย
ถึงความเอ็นดู อนุเคราะห์ด้วยความเกื้อกูลในสรรพสัตว์และภูตอยู่

บุคคลบางคนในโลกนี้เป็นผู้มีปรกติเบียดเบียนสัตว์ด้วยฝ่ามือ
หรือก้อนดิน หรือท่อนไม้ หรือศาตรา
เขาตายไป จะเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก เพราะกรรมนั้น
หากตายไปแล้วไม่เข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก
ถ้าเกิดมาเป็นมนุษย์ ณ ที่ใดๆ ในภายหลัง จะเป็นคนมีโรคมาก
โดยปฏิปทาเป็นไปเพื่อมีโรคมากนี้ คือ เป็นผู้มีปรกติเบียดเบียนสัตว์ด้วยฝ่ามือ
หรือก้อนดิน หรือท่อนไม้ หรือศาตรา

บุคคลบางคนในโลกนี้เป็นผู้มีปรกติไม่เบียดเบียนสัตว์ด้วยฝ่ามือ
หรือก้อนดิน หรือท่อนไม้ หรือศาตรา
เขาตายไป จะเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เพราะกรรมนั้น
หากตายไปแล้วไม่เข้าถึงสุคติโลกสวรรค์
ถ้าเกิดมาเป็นมนุษย์ ณ ที่ใดๆ ในภายหลัง จะเป็นคนมีโรคน้อย
โดยปฏิปทาเป็นไปเพื่อมีโรคน้อยนี้ คือ เป็นผู้มีปรกติไม่เบียดเบียนสัตว์ด้วยฝ่ามือ
หรือก้อนดิน หรือท่อนไม้ หรือศาตรา

บุคคลบางคนในโลกนี้เป็นคนมักโกรธ มากด้วยความแค้นเคือง
ถูกเขาว่าเล็กน้อยก็ขัดใจ โกรธเคือง พยาบาท มาดร้าย
ทำความโกรธ ความร้าย และความขึ้งเคียดให้ปรากฏ
เขาตายไป จะเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก เพราะกรรมนั้น
หากตายไปแล้วไม่เข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก
ถ้าเกิดมาเป็นมนุษย์ ณ ที่ใดๆ ในภายหลัง จะเป็นคนมีผิวพรรณทราม
ปฏิปทาเป็นไปเพื่อมีผิวพรรณทรามนี้ คือ เป็นคนมักโกรธ มากด้วยความแค้นเคือง
ถูกเขาว่าเล็กน้อยก็ขัดใจ โกรธเคือง พยาบาท มาดร้าย ทำความโกรธ
ความร้าย และความขึ้งเคียดให้ปรากฏ

บุคคลบางคนในโลกนี้เป็นคนไม่มักโกรธ ไม่มากด้วยความแค้นเคือง
ถูกเขาว่ามากก็ไม่ขัดใจ ไม่โกรธเคือง ไม่พยาบาท ไม่มาดร้าย
ไม่ทำความโกรธ ความร้าย และความขึ้งเคียดให้ปรากฏ
เขาตายไป จะเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เพราะกรรมนั้น
หากตายไปแล้วไม่เข้าถึงสุคติโลกสวรรค์
ถ้าเกิดมาเป็นมนุษย์ ณ ที่ใดๆ ในภายหลัง จะเป็นคนน่าเลื่อมใส
ปฏิปทาเป็นไปเพื่อเป็นผู้น่าเลื่อมใสนี้ คือ เป็นคนไม่มักโกรธ
ไม่มากด้วยความแค้นเคือง ถูกเขาว่ามากก็ไม่ขัดใจ ไม่โกรธเคือง
ไม่พยาบาท ไม่มาดร้าย ไม่ทำความโกรธ ความร้าย ความขึ้งเคียดให้ปรากฏ

ด้วยประการฉะนี้ ปฏิปทาเป็นไปเพื่อมีอายุสั้น ย่อมนำเข้าไปสู่ความเป็นคนมีอายุสั้น
ปฏิปทาเป็นไปเพื่อมีอายุยืน ย่อมนำเข้าไปสู่ความเป็นคนมีอายุยืน
ปฏิปทาเป็นไปเพื่อมีโรคมาก ย่อมนำเข้าไปสู่ความเป็นคนมีโรคมาก
ปฏิปทาเป็นไปเพื่อมีโรคน้อย ย่อมนำเข้าไปสู่ความเป็นคนมีโรคน้อย
ปฏิปทาเป็นไปเพื่อมีผิวพรรณทราม ย่อมนำเข้าไปสู่ความเป็นคนมีผิวพรรณทราม
ปฏิปทาเป็นไปเพื่อเป็นผู้น่าเลื่อมใส ย่อมนำเข้าไปสู่ความเป็นผู้น่าเลื่อมใส
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=14&A=7623&Z=7798&pagebreak=0

คำสอนในจูฬกัมมวิภังคสูตรได้ยืนยันถึงความสำคัญของกรรมนะครับ
ซึ่งตามคำสอนดังกล่าว หากเราต้องการมีอายุยืน มีโรคน้อย และเป็นผู้น่าเลื่อมใส
เราก็พึงต้องประพฤติปฏิบัติปฏิปทาที่เป็นไปเพื่อการดังกล่าว คือ
เป็นผู้เว้นขาดจากปาณาติบาต ถึงความเอ็นดูอนุเคราะห์ในสรรพสัตว์และภูต
เป็นผู้มีปรกติไม่เบียดเบียนสัตว์ต่าง ๆ
เป็นผู้ไม่มักโกรธ ไม่มากด้วยความแค้นเคือง ไม่พยาบาท ไม่มาดร้าย

อนึ่ง ในจูฬกัมมวิภังคสูตรนี้ ขอให้สังเกตว่าคนที่มักโกรธ มากด้วยความแค้นเคือง
ถูกเขาว่าเล็กน้อยก็ขัดใจ ชอบโกรธเคือง พยาบาท มาดร้าย
หากตายไป ก็จะเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก
แต่หากไม่ไปอบาย ทุคติ วินิบาต นรกก็ตาม
ถ้าเกิดมาเป็นมนุษย์ ณ ที่ใดๆ ในภายหลัง จะเป็นคนมีผิวพรรณทรามนะครับ
ดังนั้นแล้ว หากใครเป็นคนรักสวยรักงามแล้ว
ก็ควรประพฤติตนเป็นผู้ไม่มักโกรธ ไม่มากด้วยความแค้นเคือง ไม่พยาบาท ไม่มาดร้ายครับ
และหากเปรียบกับในปัจจุบันแล้ว คนที่มักโกรธนั้นก็จะดูไม่งามโดยสภาพอยู่แล้ว
หากเทียบกับคนที่ไม่มักโกรธ มีจิตใจงาม และมีเมตตา ก็จะดูงามและน่าเข้าใกล้มากกว่า

ถึงตรงนี้ บางท่านอาจจะสงสัยว่า ถ้าหากที่เราป่วยนั้น เกิดจากกรรม
แล้วทำไมบางคนทำกรรมเหมือนกัน แต่ป่วยไม่เท่ากัน
เช่น กรณีไม่ออกกำลังกายเหมือนกัน ทานอาหารเสียสุขภาพเหมือนกัน
ทำงานหนักไม่พักผ่อนเหมือนกัน แต่บางคนป่วย บางคนไม่ป่วย
หรืออยู่ดี ๆ บางคนก็ป่วย บางคนก็ไม่ป่วย ทั้งที่ประสบเหตุบางอย่างเหมือนกัน
ในประเด็นนี้ ขอเรียนว่ากรรมแต่ละคนที่เราทำมาเนิ่นนานนั้น ไม่เหมือนกัน
บางคนเขาทำกรรมดีมาเยอะ แม้ว่าจะทำเรื่องเสียสุขภาพบางอย่าง
แต่ก็ไม่ทำให้เขาป่วยได้ และเขาก็ยังแข็งแรงอยู่
แต่บางคนนั้นทำกรรมดีมาน้อย บางทีทำเรื่องเสียสุขภาพเล็กน้อย ก็ป่วยแล้ว
หรือแม้บางทีจะดูแลสุขภาพตัวเองเป็นอย่างดีก็ตาม แต่ก็ยังป่วยก็มี

ใน “โลณกสูตร” (พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอก-ทุก-ติกนิบาต)
ได้สอนเรื่องที่พอจะนำมาเทียบเคียงได้นะครับ
ว่าบางคนนั้นทำบาปกรรมเล็กน้อยก็พาไปสู่นรกได้
ในขณะที่บางคนนั้นทำบาปกรรมเล็กน้อยเช่นเดียวกัน
แต่กรรมนั้นให้ผลทันทีในชาติปัจจุบัน (ไม่ได้นำเขาไปนรกในภายหลังด้วย)
ก็เพราะว่าบุคคลนั้นอบรมกาย ศีล จิต และปัญญามาแตกต่างกัน
โดยผู้ที่ไม่อบรมกาย ศีล จิต และปัญญานั้น
ทำบาปกรรมแม้เพียงเล็กน้อย ก็สามารถนำเขาไปสู่นรกได้
ในขณะที่ผู้ที่อบรมกาย ศีล จิต และปัญญานั้น
ทำบาปกรรมแม้เพียงเล็กน้อยเช่นเดียวกัน
แต่กรรมนั้นให้ผลทันทีในชาติปัจจุบัน (ไม่ได้นำเขาไปนรกในภายหลังด้วย)

เปรียบเสมือนเรานำเกลือก้อนใหญ่ใส่ลงไปในน้ำหนึ่งแก้ว
น้ำในแก้วนั้นย่อมกลายเป็นน้ำเค็ม เพราะว่าน้ำในแก้วมีปริมาณน้อย
แต่หากเรานำเกลือก้อนเดียวกันนั้นไปใส่ในแม่น้ำคงคาแล้ว
น้ำในแม่น้ำคงคาย่อมไม่กลายเป็นน้ำเค็ม เพราะว่าน้ำในแม่น้ำมีปริมาณมาก
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=20&A=6566&Z=6646&pagebreak=0

บางท่านอาจจะมีข้อสงสัยต่อไปว่า ในเมื่อความเจ็บป่วยเกิดจากกรรมแล้ว
เราพึงจะทำอย่างไรจึงจะทำให้เราเป็นผู้มีอาพาธน้อย
ในประเด็นนี้ ขอเรียนว่าเราก็พึงประพฤติปฏิปทาเพื่อให้เป็นผู้มีอาพาธน้อยดังที่กล่าวแล้ว
และพึงมีวิชชาหรือความรู้ในทางที่ถูกต้องว่าทำอย่างไรจึงจะมีอาพาธน้อย
แต่ปัญหาคือส่วนใหญ่แล้ว เรามักจะไปถือเอาความรู้ในทางที่ผิดและประพฤติสิ่งที่ผิด
ก็กลายเป็นว่าเราไปทำให้เจ็บป่วยมากขึ้น และอยู่ในวังวนแห่งความเจ็บป่วยไปเรื่อย
ดังนั้นแล้ว เราก็พึงจะแบ่งเวลาสนใจศึกษาความรู้ในการดูแลสุขภาพตนเองที่ถูกต้อง
เพื่อที่เราจะได้มีวิชชาหรือความรู้มาดูแลตนเองได้อย่างถูกต้อง
ไม่ถูกความไม่รู้ครอบงำและหลงทำตามเขาไปเรื่อย ๆ โดยที่ไม่รู้ว่าถูกหรือผิดกันแน่

ทั้งนี้ กรรมที่ทำให้เราป่วยนั้นไม่ได้จำเป็นต้องเป็นกรรมในอดีตโบราณกาลเสมอไป
บางทีก็อาจจะเป็นกรรมใหม่สด ๆ ร้อน ๆ ในปัจจุบันนี้ก็ได้
เช่น ชอบทานอาหารอร่อย แล้วก็ทานปริมาณมากเกินสมควร ก็ทำให้ป่วยได้
หรือไปซื้อละครซีรีส์มาดู และดูติดต่อกันไม่ยอมหยุดและไม่หลับนอน
ก็ทำให้เสียสุขภาพ และเจ็บป่วยได้เช่นกัน เป็นต้น
เราจึงไม่ควรจะไปจมปลักกังวลอยู่แต่ว่าที่เราเจ็บป่วยในปัจจุบันนี้เป็นผลของกรรมเก่า
ว่าเราคงจะทำกรรมเก่ามาไม่ดี เราจึงได้ป่วยเป็นโรคนั้นโรคนี้
เพราะเรื่องกรรมนั้นเป็นอจินไตย ครุ่นคิดไปมาก ๆ ก็มีแต่ฟุ้งซ่านและไม่รู้จริง
สิ่งที่เราควรจะสนใจในปัจจุบันคือมุ่งทำกรรมที่ดีและถูกต้องในปัจจุบัน
ซึ่งเราจะมุ่งทำกรรมที่ดีได้ เราก็ต้องมีความรู้ว่าทำอย่างไรจึงจะดีและถูกต้อง
ไม่อย่างนั้นแล้ว หากเราทำผิดแล้ว ยิ่งทำยิ่งผิด ยิ่งทำยิ่งป่วย และยิ่งทำยิ่งทุกข์

ในท้ายที่สุดนี้ ขอให้สังเกตว่า ใน “จูฬกัมมวิภังคสูตร” นั้น
ไม่ได้ใช้คำว่า “ไม่ป่วย” หรือ “ไม่มีอาพาธ” นะครับ แต่ใช้คำว่า “มีอาพาธน้อย”
ทำไมจึงไม่ใช้คำว่า “ไม่ป่วย”?
ก็เพราะว่าความเจ็บนั้นอยู่คู่กับความเกิดเป็นธรรมดา
เมื่อมีความเกิดแล้ว ก็ต้องมีความแก่ ความเจ็บ และความตายติดตามมาเป็นธรรมดา
แต่เรา ๆ ท่าน ๆ มักจะลำเอียง ไม่อยากได้เป็นแพ็คเกจนะครับ
โดยอยากจะได้แต่ความเกิดอย่างเดียว อย่างเช่น
เห็นเด็กเกิดก็ดีใจ แต่เห็นแก่ เจ็บ และตายอย่างนี้ไม่ชอบใจแล้ว ทั้งที่มันต้องมาด้วยกัน
ดังนี้แล้ว ตราบใดที่ยังเกิดอยู่ ก็ต้องเจ็บครับ แต่จะเจ็บมากหรือเจ็บน้อยเท่านั้นล่ะ
หากจะต้องการ “ไม่เจ็บป่วย” แล้ว มีทางเดียวครับ คือต้องไม่เกิดเท่านั้น

(ขอไปคุยต่อในตอนหน้า ซึ่งจะเป็นตอนสุดท้ายครับ)

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

หมายเหตุ ขณะนี้ศาลาปฏิบัติธรรมที่อำเภอเก้าเลี้ยว จังหวัดนครสวรรค์
อยู่ระหว่างการสร้างฐานของศาลาครับ
โดยยังขาดแคลนปัจจัยสำหรับก่อสร้างอีกเป็นจำนวนมาก
จึงขอเรียนเชิญญาติธรรมท่านที่สนใจร่วมสมทบทุนสร้างศาลาปฏิบัติธรรม
เพื่อประโยชน์ในการจัดค่ายคุณธรรมสอนธรรมะแก่เด็ก ๆ เยาวชน
ด้วยการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร ดังต่อไปนี้

ชื่อบัญชี นายสันติ คุณาวงศ์ นางปราณี ศิริวิริยะกุล และนางพจนา ทรัพย์สมาน
ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาแฟรี่แลนด์ นครสวรรค์
บัญชีออมทรัพย์ เลขที่ 881-223306-7

ทั้งนี้ ท่านสามารถติดตามความคืบหน้าการก่อสร้างศาลาปฏิบัติธรรมได้ที่
http://www.facebook.com/rooguyroojai
และสามารถติดตามความคืบหน้าของการเรี่ยไรและสำเนาหน้าสมุดบัญชีรับบริจาคได้ที่
กระทู้ในเว็บไซต์ลานธรรมตามลิงค์นี้ครับ
เชิญร่วมสมทบทุนสร้างศาลาปฏิบัติธรรม ชมรมเรียนรู้กายใจ จังหวัดนครสวรรค์