Print

เพื่อนธรรมจารี - ฉบับที่ ๒๑๐

ข้อคิดจากอิฐสองก้อน

ngod-ngam2 งดงาม
  This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

 

 dharmajaree 210

(ผมยังคุยหัวข้อ “คุยเรื่องสุขภาพ” ไม่จบนะครับ
แต่ขออนุญาตพักเรื่องสุขภาพมาแทรกคุยเรื่องอื่นก่อนครับ)

หลายท่านคงเคยได้รับข้อความทาง social media ในเรื่องข้อคิดจากอิฐสองก้อนนะครับ
เรื่องข้อคิดจากอิฐสองก้อนเป็นเรื่องราวของพระอาจารย์พรหม
ท่านเป็นพระป่าชาวอังกฤษ และเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่ชา
ในครั้งหนึ่ง ท่านได้รับงานในการก่อสร้างกำแพงวัด
พระภิกษุหลายรูปได้ช่วยกันก่อกำแพงรอบวัด
ท่านเองไม่เคยทำแต่ก็มีความตั้งใจดูพระภิกษุรูปอื่นทำ แล้วท่านก็ทำตามอย่างตั้งใจ
กำแพงช่วงหนึ่งจะประกอบด้วยอิฐหนึ่งร้อยก้อนแล้วคั่นด้วยเสาปูน
ท่านก็เตรียมอิฐ ๑๐๐ ก้อนไว้ในแต่ละช่วง
พอท่านเริ่มทำท่านก็จะบรรจงวางอิฐแล้วทับด้วยปูน
ปาดปูนให้เรียบ แล้ววางอิฐสลับกัน ก็เท่านั้น
ท่านเคยคิดว่ายาก แต่พอทำจริง ๆ แล้ว ก็ไม่ยาก
ท่านจึงทำอย่างรวดเร็วขึ้นด้วยความชำนาญที่มากขึ้น
แต่บางครั้งก็เผลอไปคิดเรื่องอื่นบ้าง

พอท่านทำไปได้ซักสามช่วง ท่านก็ย้อนมาตรวจงานตอนทำเสร็จ
ปรากฏว่ามีอิฐวางเบี้ยวสองก้อนในช่วงหนึ่ง ซึ่งท่านคงเผลอไป
มันอยู่ตรงกลางของช่วงกำแพง และเด่นเสียด้วย เวลามองจะเห็นชัดว่าวางเบี้ยว
ก้อนหนึ่งเอียงซ้ายอีกก้อนหนึ่งเอียงขวา ท่านมองแล้วโกรธตัวเองว่ามันไม่สวยเลย
หลวงปู่ชาเดินผ่านมาดู ท่านพรหมจึงขออนุญาตว่าจะทุบกำแพงแล้วก่อใหม่ได้ไหม
แต่หลวงปู่ชาท่านยิ้ม ๆ แล้วบอกว่า เอาไว้อย่างนั้นแหละ ไม่ต้องทุบให้เสียเวลา

หลังจากนั้น ท่านพรหมจะรู้สึกอายมากเวลาใครเดินผ่านมาตรงกำแพง
ท่านจะยืนบังอิฐสองก้อนที่เบี้ยวนั้นไว้ ไม่ให้ใครเห็น
เวลามีญาติโยมมาเที่ยววัด ท่านจะกระวีกระวาดพาเขาเดินชมวัดไปทางอื่น
ไม่ให้ผ่านมาทางกำแพงที่มีอิฐเบี้ยวสองก้อน
เพราะท่านรู้สึกรับไม่ได้กับความไม่สวยของอิฐทั้งสองก้อนนี้

จนกระทั่งหลายเดือนต่อมา มีคนมาจากกรุงเทพฯ มาชมวัด
โดยมากันหลายคน ท่านจึงไม่สามารถที่จะยืนบังกำแพงได้ตลอด
มีคุณลุงคนหนึ่งมองดูที่กำแพงของท่านอย่างตั้งอกตั้งใจ
ท่านพรหมเห็นดังนั้นจึงรีบเข้าไปหาคุณลุงอย่างร้อนใจว่า
เขาคงต้องติติงว่าอิฐในกำแพงวางเบี้ยวแน่ ๆ เลย
คุณลุงเห็นท่านพรหมจึงถามว่าใครก่อกำแพงนี้
ท่านพรหมอึกอักยังไม่ทันตอบ คุณลุงก็บอกว่า
“คนก่ออิฐนี้เก่งมาก มีความตั้งใจทำมาก”

"คุณลืมแว่นสายตาไว้ในรถหรือเปล่า
คุณไม่เห็นหรือว่ามีอิฐสองก้อนที่วางเบี้ยว จนทำให้กำแพงดูไม่ดี"
ท่านพรหมกล่าวพลางชี้ไปที่อิฐเจ้าปัญหาทั้งสองก้อนให้โยมลุงดู
"ใช่ ... ผมเห็นอิฐสองก้อนนั้น" คุณลุงผู้นั้นตอบ
"แต่ผมก็เห็นด้วยว่า มีอิฐอีกหลายร้อยก้อน ก่อไว้เป็นระเบียบสวยงามมาก"
พระอาจารย์พรหมถึงกับอึ้ง
เป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่ท่านมองเห็นอิฐก้อนอื่น ๆ บนกำแพง
โดยที่ผ่านมา นอกเหนือจากอิฐสองก้อนที่เป็นปัญหาแล้ว
ตาของท่านมืดบอดต่ออิฐก้อนอื่น ๆ ทั้งหมด
ทั้งที่จริง อิฐทุกก้อน ทุกตำแหน่ง นอกจากอิฐสองก้อนนั้น ล้วนก่อไว้อย่างดี
ยิ่งไปกว่านั้น จำนวนอิฐที่ก่อไว้ดีก็มีมากกว่าอิฐที่ก่อไว้ไม่ดีสองก้อนนั้นด้วย
ท่านอยากทำลายกำแพงลง เพราะมองเห็นแต่อิฐสองก้อนที่วางไว้เบี้ยวนั้น

ทันทีที่ความรู้สึกเปิดกว้าง มองเห็นอิฐก้อนดี ๆ จำนวนมากบนกำแพงนี้
กำแพงเดิมที่ท่านอยากทุบทิ้งก็กลับดูงดงามขึ้นมาทันที
ที่ผ่านมาท่านมัวไปกังวลกับสิ่งที่ท่านทำผิดพลาดไปเพียงเล็กน้อย
ทำให้ท่านทุกข์ ไม่สบายใจมาตั้งนาน
นับตั้งแต่วันนั้นท่านเปลี่ยนความคิด มองแต่สิ่งที่ดี ไม่จับผิด จิตใจก็ไม่ทุกข์
และท่านก็จะบอกตนเองว่าคนเรามีโอกาสที่จะเผลอ และทำผิดพลาดกันได้ทุกคน
แต่เมื่อมันผ่านไปแล้ว เราควรจะนำข้อผิดพลาดนั้นมาเป็นประสบการณ์
สอนให้เราเกิดความระวังในการกระทำในครั้งต่อ ๆ ไป
(เรื่องราวก็จบลงเพียงเท่านี้นะครับ)

ในเรื่องของอิฐสองก้อนนี้ ก็ให้ข้อคิดแก่เราได้หลายแง่มุม
ในที่นี้ก็จะยกมาเพียงบางแง่มุมนะครับว่า
๑. บางทีคนเราก็มองคนดีบางคนในทำนองเดียวกับกำแพงอิฐนี้
คนดีบางคนทำดีกับเรามากมายหลายอย่างเหมือนอิฐก้อนอื่น ๆ บนกำแพง
แต่ถึงเวลาที่เขาทำให้เราไม่พอใจเพียงบางเรื่องเหมือนอิฐเพียงสองก้อน
เรากลับไม่ได้มองว่าเขาเป็นคนดี และเขาเคยทำดีกับเรามามากมายอย่างไร
เรากลับเลือกที่จะมองแต่เพียงบางเรื่องที่เขาทำให้เราไม่พอใจ หรือทำไม่ถูกใจเรา
จนบางที เราก็ถึงกับตัดความสัมพันธ์และเลิกคบกันไปเลยก็มี
อันนี้ก็เป็นการเสียโอกาสของตัวเราเองที่ไปให้ความสำคัญกับสิ่งไม่ดีเล็กน้อย
หรือเรื่องที่คนอื่นทำให้เราไม่พอใจเพียงเล็กน้อย
แล้วทำให้เราต้องเลิกคบ หรือตัดสัมพันธ์กับคนดี ๆ บางคนไป

๒. ในทางกลับกัน บางทีคนเราก็มองคนไม่ดีบางคนในทำนองเดียวกับกำแพงอิฐนี้
คนไม่ดีบางคนทำเลวกับเรามากมายหลายอย่างเหมือนอิฐก้อนอื่น ๆ บนกำแพง
แต่มีเพียงบางเรื่องที่เขาทำดีกับเรา หรือทำให้เราพอใจคล้ายกับอิฐเพียงสองก้อน
เรากลับไม่ได้มองว่าเขาเป็นคนไม่ดี และเราควรจะตีห่างจากเขา
เรากลับเลือกที่จะมองแต่เพียงบางเรื่องที่เขาทำให้เราพอใจ หรือทำถูกใจเรา
จนทำให้เราก็คบหาสมาคมใกล้ชิดกับเขาไปเรื่อยแทนที่จะห่างไกลเขา
อันนี้ก็เป็นการเสียโอกาสของตัวเราเองที่ไปให้ความสำคัญกับเรื่องถูกใจเล็กน้อย
แล้วทำให้เรายังคงคบหาใกล้ชิดสนิทสนมกับคนไม่ดีหรือคนพาลบางคน

๓. นอกจากนี้ บางทีคนเราก็มองชีวิตตัวเองในทำนองเดียวกับกำแพงอิฐนี้
บางคนทุกข์ใจว่าเราไม่หล่อ ไม่สวย ไม่รวย สุขภาพไม่แข็งแรง เจ็บป่วย ไม่มีแฟน
ไม่มีลูก ไม่มีเพื่อนถูกใจ การงานไม่ดี เจ้านายไม่ดี รายได้ไม่ดี บ้านไม่ดี ญาติไม่ดี ลูกไม่ดี
สามีภรรยาไม่ดี อ้วนเกิน ผอมเกิน ผิวไม่สวย สิวเยอะ
หรือเรื่องอื่น ๆ อีกมากมาย ที่อาจจะไม่ถูกใจเราคล้ายอิฐเพียงสองก้อนในกำแพง
แต่เรากลับไม่ได้มองเห็นคุณประโยชน์แห่งชีวิตความเป็นมนุษย์ของเราว่า
เราได้มีโอกาสเกิดมาเป็นมนุษย์ เราได้มีโอกาสเกิดมาพบพระพุทธศาสนา
เราได้มีโอกาสฟังธรรมที่เป็นคำสั่งสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้า
เราได้มีโอกาสที่จะได้ศึกษาและปฏิบัติธรรม
สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่มีคุณค่าในชีวิตมากมายคล้ายกับอิฐก้อนอื่น ๆ ในกำแพง
แต่เรากลับไม่ได้ให้ความสำคัญกับสิ่งดี ๆ เหล่านั้น
โดยเรากลับมองอิฐสองก้อนในชีวิตเรา แล้วก็มองว่าเราล้มเหลว
เรายังขาด เรายังด้อยโอกาส เพราะอิฐเพียงสองก้อนนั้น

หากเราสามารถทำความเข้าใจตามจริงและปรับมุมมองเหล่านี้ได้
ก็ย่อมจะเป็นประโยชน์ในการเลือกคบคน และการให้ความสำคัญแก่สิ่งต่าง ๆ ในชีวิตเราครับ