Print

ธนาคารความสุข - ฉบับที่ ๑๘๕

eddy_cover

Ender’s Game

โดย aston27
aston2

boh185 1

“In the moment when I truly understand my enemy,
understand him well enough to defeat him,
then in that very moment I also love him.”
― Orson Scott Card, Ender's Game


ภาพยนตร์เรื่องนี้เปิดตัวขึ้นมาด้วยประโยคข้างบนนี้ ก่อนจะเริ่มเรื่อง
ราวกับจะบอกว่า นี่คือแก่นสำคัญในภาพยนตร์ที่เต็มไปด้วยจินตนาการ
การสู้รบในอวกาศ ยานอวกาศ มนุษย์ต่างดาว และกิเลสของมนุษย์

Ender’s Game เป็นเรื่องของโลกในอนาคต หลังการรุกรานของมนุษย์ต่างดาว
ทำให้มีประชากรเสียชีวิตไปหลายสิบล้านคน ก่อนจะจบด้วยชัยชนะของชาวโลก
ทำให้โลกต้องคิดหาทางป้องกันการรุกรานครั้งต่อไป ด้วยโครงการพิเศษ
ที่คัดเลือกเด็กอัจฉริยะมาเล่นเกม... เอ๊ย... เป็นผู้บัญชาการรบ

Ender Wiggin เอนเดอร์ วิกกิน คือเด็กที่มีคุณสมบัติพร้อมที่สุด จากเด็กทั้งหมด

จุดที่ทำให้เอนเดอร์แตกต่างจากคนอื่นๆคือ
ในขณะที่เด็กคนอื่นเรียนรู้เรื่องกลยุทธ์และวิธีวางแผนการรบ
เอนเดอร์กลับให้ความสำคัญกับการ “ทำความเข้าใจคู่ต่อสู้”
ว่าคู่ต่อสู้มีวิธีคิดอย่างไร ต้องการอะไร ทำไมตัดสินใจแบบนั้น ฯลฯ

คล้ายๆกับหลักพิชัยสงครามของซุนวู ที่ว่า
รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง

บวกกับความเป็นคนฉลาดพูด และมีไหวพริบ
เอนเดอร์จึงเป็นเด็กที่ถูกหมั่นไส้จากเพื่อนหรือรุ่นพี่ที่โตกว่า
รวมถึงถูกจ้องเล่นงานนอกเวลาเสมอ ซึ่งเขาเอาตัวรอดได้ทุกครั้ง

แต่ในทุกครั้งที่ถูกเล่นงานนั้น เขาไม่เคยผูกพยาบาทคู่กรณีเลย
เพราะเขารู้ และเข้าใจเหตุผล แรงจูงใจของอีกฝ่าย

ด้วยการพยายามทำความเข้าใจนี้เอง
เขาพบความจริงบางอย่างที่ไม่มีใครสนใจมาก่อน
นั่นคือเจตนาที่แท้จริงของเหล่ามนุษย์ต่างดาว ผู้เป็นศัตรู

จักรวาลในเรื่องนี้ มีอะไรคล้ายกับในหนัง Gravity อยู่อย่างหนึ่งครับ
คือสามารถตีความได้ว่า เป็นเหมือนสังสารวัฏที่สัตว์ทั้งหลายเวียนว่ายอยู่

ถ้าใครสังเกต ฉากหนึ่งใน Gravity ตอนที่นางเอก ไรอัน สโตน
กระเสือกกระสนไปถึงยานของรัสเซีย ในสภาพที่ออกซิเจนหมดแล้ว
เธอถอดชุดอวกาศทิ้งแล้วขดตัวนอนหลับในท่าเดียวกับทารกในท้องแม่
ดูเหมือนเด็กเกิดใหม่ ยังไงยังงั้น

ใน Ender’s Game ก็คล้ายๆจะสื่อว่า ในจักรวาลหรือสังสารวัฏอันยาวไกลนี้
ไม่ว่าจะมนุษย์โลกหรือสิ่งมีชีวิตต่างดาว เราต่างก็เป็นเพื่อนร่วมทุกข์กัน
บางภพอาจจะเป็นมนุษย์บนโลกนี้
บางภพอาจจะไปเป็นนางพญาบนดาวอีกดวง

แล้วสิ่งมีชีวิตในสังสารวัฏ ส่วนมากก็เบียดเบียนกันไปเบียดเบียนกันมา
ฝ่ายหนึ่งรับกรรมเก่า อีกฝ่ายก็สร้างกรรมใหม่ วนกันไปมา

ในขณะที่ชาวโลกมองมนุษย์ต่างดาวเผ่าพันธุ์นั้นเป็นศัตรู
ที่ควรกำจัดให้สิ้นซาก เพื่อไม่ให้เป็นเสี้ยนหนามต่อไปในอนาคต
เอนเดอร์กลับเห็นว่า ควรจะทำความเข้าใจอีกฝ่ายให้ถ่องแท้ก่อนลงมือ

และเริ่มสับสนว่า ตกลงนี่เป็นมาตรการป้องกันตัวของโลก
หรือการรุกรานต่างดาวเสียเองกันแน่

คนส่วนมากรักตัวเองกันโดยปกติธรรมชาติครับ
และเกลียดคนที่มาเบียดเบียนทำร้ายตนและสิ่งที่ตนรัก

เพราะเกลียด จึงกลัว เพราะกลัวจึงทุกข์ใจ
เพราะทุกข์ใจจึงมีโทสะ หาทางดิ้นรนผลักไส กำจัดสิ่งที่ตนกลัว
เพราะการลงมือกำจัดสิ่งที่ตนกลัว จึงเกิดกรรมใหม่ของตน
แม้จะเป็นผลกรรมเก่าของคนอื่น

วันนี้อาจจะชนะ แต่วันข้างหน้า ผลกรรมก็จะวนมาให้ผล
เราก็จะต้องได้รับผลของกรรมนั้นๆสืบไป
สังสารวัฏมันน่ากลัวเพราะเหตุนี้ครับ
เพราะมันทำให้เรามีเหตุผลที่ฟังดูดีชอบธรรม มายึดมั่นถือมั่นไว้
แล้วผลักดันให้เราสร้างกรรมใหม่ไปเรื่อยๆไม่สุดสิ้น
เพราะมีกรรม ก็ยังมีเกิด เพราะยังเกิด ก็ยังมีกรรม

หลวงพ่อปราโมทย์ฯ ท่านเคยเทศน์ว่า
“มองโลกให้กว้างๆไว้ แล้วจะพบว่าเราไม่มีศัตรูหรอก
มองโลกให้กว้างขึ้นไป ไม่มีศัตรู สังสารวัฏเป็นอย่างนี้แหละ
ถ้ามองด้วยความเข้าใจ มีความเมตตานะ ไม่ได้มีความโกรธความแค้น”

หวังว่าเราจะผ่านวิกฤตไปได้อีกครั้ง ด้วยสติและปัญญา
เรียนรู้จากบทเรียนเก่าๆ เข้าใจคนอื่น มองคนอื่นเป็นเพื่อนร่วมทุกข์
และอุเบกขาว่า... สังสารวัฏเป็นเช่นนี้เอง

ขอให้ได้ทำเหตุเพื่อความพ้นจากภัยของสังสารวัฏกันทุกท่านนะครับ