Print

ธนาคารความสุข - ฉบับที่ ๑๗๒

eddy_cover

Ruby Sparks เพราะเราเขียนชีวิตใครไม่ได้

โดย aston27
aston2

phpKmUpgjAM

ระยะหลังนี่หลายท่านคงพอรู้ว่า ผมนั่งตอบคำถามให้ผู้คนจำนวนมาก
และคำถามส่วนใหญ่ มักจะอยู่ในวังวนของความรักความสัมพันธ์

หลายคนที่เขียนมาถาม เล่าว่า ความสัมพันธ์มันไม่ดีเหมือนเดิม
เพราะคนรักเปลี่ยนไป ทำหลายอย่างที่เขาไม่ชอบ ไม่พอใจ

ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่รู้สึกแบบนั้น ผมอยากแนะนำให้ลองหาหนังเรื่องนี้มาดู

Ruby Sparks หรือในชื่อไทยว่า “เขียนเธอให้เจอผม”
เป็นเรื่องของนักเขียนหนุ่มที่มีหนังสือระดับเบสท์เซลเลอร์อยู่เล่มเดียว
หลังจากนั้นก็ประสบภาวะตีบตัน เขียนอะไรไม่ออกจนต้องไปปรึกษาจิตแพทย์

จิตแพทย์เลยแนะนำให้เขาเขียนอะไรก็ได้ที่อยู่ในหัวสักหน้านึง
พอนักเขียนหนุ่มกลับไปเขียน เขาเขียนถึงผู้หญิงในจินตนาการชื่อ รูบี้ สปาร์ค
เขียนตั้งแต่พื้นเพ ภูมิหลังที่มาของเธอ ลักษณะ นิสัย กิริยา หน้าตา รูปร่าง

จากที่ตั้งใจจะเขียนแค่หน้าเดียว มันกลับไหลลื่น กลายเป็นหนังสือเกือบทั้งเล่ม
สิ่งที่น่าตกใจมากกว่าคือ รูบี้ สปาร์ค ปรากฏตัวขึ้นในชีวิตจริงของเขา
และเป็นคนคนเดียวกันเป๊ะกับตัวละครที่เขาเขียนขึ้นจากจินตนาการ

ทีแรก นักเขียนเข้าใจว่าเขาคงหมกมุ่นอยู่กับการเขียนหนังสือมากจนหลอน
แต่ที่สุดเขาก็พบว่า มันเกิดขึ้นจริงๆ เธอออกมาจากหนังสือจริงๆ

ที่เจ๋งมากคือ เขาสามารถเขียนลงไปในหนังสือให้เธอเป็นยังไงก็ได้
ตามที่ใจเขาอยากให้เป็น อยากให้พูดฝรั่งเศส อยากให้ทำอะไรก็สั่งได้ในบัดดล

แต่สุดท้าย เขาก็พบว่าต่อให้คนเราเขียนชีวิตคนอื่นตามใจอยากของเราได้
เราก็ยังไม่มีความสุขอยู่ดี

เพราะอะไร? เพราะความอยากหรือตัณหาของคนมันไม่มีที่สิ้นสุดน่ะครับ
พระพุทธเจ้าเคยตรัสว่า นัตถิ ตัณหา สมา นที
แปลว่า ห้วงน้ำที่จะใหญ่เท่าตัณหาน่ะ ไม่มีหรอก

เพราะโดยความจริง คนอื่นจะทำตัวอย่างไร อาจเป็นปัญหาจริง
แต่ก็ยังไม่ใช่ทุกข์หรอกนะ ทุกข์มันเกิดเพราะเราเจอปัญหาแล้วยอมรับไม่ได้

คนเราเวลาไม่ยอมรับความจริง ไม่ยอมรับสิ่งที่เกิด ใจจะกระเพื่อม
เพราะมีโทสะ ความไม่ชอบใจ แล้วมีความอยากตามมา คืออยากผลักความรู้สึกนั้นออกไป
หรืออยากให้เขาไม่ทำแบบนั้น ไม่อยากให้เขาทำแบบนี้ นี่ก็ผลของความอยาก

สมัยเรียนวิชาพุทธศาสนา คุณครูสอนเรื่องอริยสัจจ์ ๔ ยังจำได้ไหม
พระพุทธเจ้าเริ่มสอนจาก ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค
หลายคนสงสัยว่าทำไมต้องเรียงแบบนี้ แต่ถ้าลงมือเจริญสติ ภาวนาแล้วจะเข้าใจ

เหตุผลคือ ถ้าเข้าใจทุกข์ เห็นความจริงจากของจริง จะรู้ว่าเหตุของมันคืออะไร
ทุกอย่างมีเหตุของมัน ใจเราทุกข์ เฉยๆ หรือสุข ก็เพราะมีเหตุนะครับ

เวลาเห็นจิตใจทำงาน จะเริ่มจากเห็นว่า
ถ้าจิตอยากแล้วไม่สมหวังเมื่อไหร่ จิตจะทุกข์

พอชำนาญในการสังเกต มีสติไวขึ้น จะเห็นว่า
เมื่อไหร่มีความอยาก ทุกข์ก็มายืนจ๊ะเอ๋เราอยู่แล้ว ไม่ว่าจะสมหวังหรือไม่

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชโช อาจารย์ผม ท่านเคยสอนอีกว่า
ถ้าภาวนาไปถึงขั้นสูงๆ จะพบว่า จะอยากหรือไม่อยาก
จิตนั่นแหละ คือตัวทุกข์ในตัวเองอยู่แล้ว อันนี้ฟังไว้เล่นๆ ผมก็ยังไม่เห็น
ประเด็นที่อยากบอก มันอยู่ตรงที่ ในชีวิตจริง
เราเขียนคนอื่นให้เป็นได้อย่างใจเราไม่ได้หรอกครับ อย่าพยายาม

หลายคนพยายามเป็นนักเขียนบท เป็นผู้กำกับชีวิตของคนรอบข้าง
เพียงเพื่อจะพบว่ามันทำยาก หรือไม่ก็ทำให้เขาอยู่กับเราแล้วไม่มีความสุข

สิ่งที่เราทำได้คือพัฒนาจิตใจของเราเองให้มีคุณภาพ ด้วยสติ ความตั้งมั่น ปัญญา
แล้วไม่ว่าโลกนี้จะเป็นยังไง ไม่ว่าใครจะทำตัวแบบไหน ใจเราก็จะไม่ทุกข์มาก

ครูบาอาจารย์ท่านใช้สำนวนว่า อยู่กับโลกให้เหมือนดอกบัวอยู่กับน้ำ
บัวเกิดในโคลนตม อยู่ในน้ำ แต่ไม่เคยเปียกน้ำ ไม่เคยเปื้อนโคลน

ไม่ได้พูดว่า ไม่ว่าคู่ของเราจะทำอะไรมีชู้กี่คน เราก็ต้องทนนะครับ
ธรรมะช่วยให้เราพ้นทุกข์ ไม่เร่าร้อนจนนอนไม่หลับ
พอนอนอิ่มตื่นมาแล้วจะตัดสินใจแก้ปัญหาทางโลกยังไง อันนั้นคนละเรื่อง

แต่ไม่ว่าจะเลือกวิธีแก้ปัญหาแบบไหน อย่างน้อยถ้าทำด้วยสติ ด้วยปัญญา
ก็คงไม่ทำอะไรที่สร้างปัญหาสร้างเวรกรรมเพิ่มจากเดิม จริงไหมครับ

สุขสันต์วันที่เราเขียนชีวิตตัวเองได้นะครับ