Print

ธนาคารความสุข ฉบับที่ ๑๖๗

eddy_coverFlight : เที่ยวบินเปลี่ยนชีวิต

โดย aston27
aston2

bank-167

ผมเป็นแฟนของ โรเบิร์ต เซเมคคิส มาตั้งแต่สมัยผมเรียนมัธยม
เอิ่ม...อย่าเพิ่งจิ้นว่าเป็นแฟนแบบนั้น แฟนหนังน่ะครับ แฟนหนัง ^^”

หนังเรื่องแรกของเขาที่ผมได้ดู คือ Back To The Future
เรื่องของเด็กหนุ่มชื่อมาร์ตี้ ที่ย้อนเวลากลับไปเจอพ่อแม่ตัวเอง
ตอนที่ยังเป็นวัยรุ่น ที่กลายเป็นหนังแห่งยุค 80’s ไปแล้ว  

ตามมาด้วยหนังดีที่สุดในสายตาผม นั่นคือ Forrest Gump
เรื่องของคนไม่เต็มบาท ที่บาดใจหลายคนจนน้ำตาซึม

นอกจากนั้นยังกำกับหนังที่หลายคนชอบอย่าง Cast Away
จึงเป็นธรรมดาที่ผมจะดีใจ ที่ได้ดูผลงานใหม่ของเพื่อนเก่าคนนี้

ลักษณะเด่นอย่างหนึ่งของหนังที่เซเมคคิสกำกับคือ
ทุกเรื่องจะมีความเป็นแฟนตาซีอยู่ในนั้น ไม่มากก็น้อย
แต่เป็นแฟนตาซีที่อยู่ในหนังดราม่า ที่นับวันก็จะเข้มขึ้นตามวัย

Flight เป็นเรื่องของกัปตันเรือบินฝีมือชั้นเซียนคนหนึ่ง
ที่อาศัยสัญชาตญานและสติในการบังคับเครื่องบินโดยสาร
ซึ่งเกิดเหตุขัดข้อง ให้ร่อนลงจอดได้แบบเหลือเชื่อ

เขากลายเป็นฮีโร่ในสายตาชาวโลกในชั่วข้ามคืน
แต่เขากลับไม่กล้าสู้หน้าใครเพราะรู้แก่ใจว่าตนเองติดเหล้า
แถมยังใช้โคเคนเพื่อให้สร่างเมาและอยู่ในสภาพพอจะมาบินได้
ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับการบินอย่างร้ายแรง

เพื่อกลบเกลื่อนความผิด เขาต้องโกหกเรื่องการดื่ม
และขอให้อีกหลายคนช่วยโกหก หรืออย่างน้อยก็ไม่พูดอะไร

แม้หลายคนจะพยายามช่วยเขา เพราะรักเขา
แต่ดูเหมือนคนๆเดียวที่ไม่ยอมช่วยเขาเลย ก็คือ...ตัวเขาเอง

ตอนจบจะเป็นยังไง ต้องไปดูเอง หรือไม่ก็รอดีวีดีลิขสิทธิ์ออกขายนะครับ
บอกได้แค่ว่า ผมชอบตอนจบมากครับ 

ดูแล้วผมนึกถึงที่หลวงพ่อปราโมทย์ฯ ท่านเคยสอนว่า
“รักษาศีลนะ แล้วศีลจะรักษาเรา”
ถ้าเขาไม่ดื่มเหล้า เขาก็ไม่ต้องใช้ยาช่วยให้สร่างเมา
ถ้าไม่แตะทั้งเหล้าและยา เขาจะไม่สูญเสียครอบครัวคนรัก
ไม่ต้องโกหกใครๆไปเรื่อยๆ ไม่ต้องเป็นทาสของความรู้สึกผิด

เวลาพูดเรื่องศีลข้อ ๕ หลายคนมักจะตั้งคำถามว่า
ถ้าเจตนาของศีลข้อนี้ พูดเรื่องการทำให้ขาดสติ
แปลว่าถ้าดื่มนิดหน่อยแต่ไม่เมา ก็ไม่น่าจะผิดศีล

ผมอยากบอกว่า คนที่ติดเหล้าทุกคน
ล้วนเริ่มต้นจากการดื่มทีละนิดละหน่อยพอขำๆนี่แหละครับ
คนที่โกหกเป็นไฟทุกคน ก็เริ่มจากการโกหกในเรื่องเล็กน้อย
เพราะคิดเอาว่าจำเป็นและมีผลดีมากกว่าพูดความจริง

ผมนั่งเขียนบทความนี้ในวันมาฆบูชา พอดิบพอดี
สองพันหกร้อยกว่าปีก่อน พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรม
ชื่อโอวาทปาติโมกข์ ให้บรรดาเหล่าสาวกได้ฟัง

ท่านพูดถึงหลักและแนวทางของชาวพุทธในการดำรงชีวิต
แทนที่จะบอกว่าให้ทำบุญกุศลทำความดีก่อน
ท่านกลับเริ่มจากสัพพะปาปัสสะ อะกะระณัง คือไม่ทำบาปทั้งปวงก่อน
จึงจะเป็น กุสะลัสสูปะสัมปะทา การทำกุศลให้ถึงพร้อม
แล้วค่อย สะจิตตะปะริโยทะปะนัง ชำระจิตให้ถึงพร้อม

ครูบาอาจารย์ก็เคยสอนแบบนี้ครับ
ว่าพวกเราหลายคนชอบทำบุญ แต่ไม่ชอบละบาป
เปรียบเหมือนอยากย้อมผ้าให้สีสวย แต่ยังไม่หยุดทำผ้าเปื้อน

พระพุทธเจ้าท่านมีเหตุผลนะครับ
ที่พูดถึงทาน ศีล ก่อนคำว่าภาวนา ก็เพราะเหตุนี้

ถ้าเปรียบชีวิตเป็นการเดินทางไฟล์ทหนึ่ง
ที่มีจุดเริ่ม จุดสุดท้ายที่แตกต่างหลากหลาย
สั้นบ้าง ยาวบ้าง ราบรื่นบ้าง ตกหลุมอากาศบ้าง
อย่างน้อยการขับเครื่องบินชีวิตของเราแต่ละคน
ก็ควรจะเป็นไปด้วยสติ ปัญญาเพื่อประโยชน์อันยิ่ง

สิ่งสำคัญจึงไม่ใช่การหาความสุขไปวันๆ
แต่เป็นการทำเหตุที่ทำให้เราใกล้สู่ความพ้นทุกข์ไปเรื่อยๆ
เพราะการพ้นทุกข์นั่นแหละ ถึงจะเป็นสุขที่แท้จริง

ในหนังเรื่อง FLIGHT ตอนที่เครื่องบินกำลังดิ่งหัวลงจะโหม่งโลก
กัปตันตัดสินใจบังคับเครื่องให้พลิกกลับหัว
เพื่อประคองให้เครื่องร่อนต่อไปได้ในแนวราบ

บางที ใครที่เคยผิดศีลทำบาปอยู่เป็นนิจ
อาจต้องทำแบบเดียวกันบ้าง คือกลับตัวกลับใจ
เปลี่ยนความเคยชินที่กำลังจะทำให้ชีวิตจมดิ่งลง

อย่างน้อยจะได้ลดความเสียหายในยามต้องร่อนลง
และไม่ต้องมาเสียใจในภายหลังว่า รู้อย่างนี้จะไม่ทำแบบนั้น

สุขสันต์วันมาฆบูชาครับ