Print

ธนาคารความสุข - ฉบับที่ ๑๖๒

eddy_coverยาดม

โดย aston27
aston2

วันก่อนมีคนไปถามใน facebook ว่า

บทความธนาคารความสุขของคุณแอสตันหายไปไหน

ไม่ได้หายหรอกครับ แต่มันไม่เกิดเพราะคิดไม่ออก

สิ่งใดไม่เกิด สิ่งนั้นย่อมไม่มี สิ่งใดไม่มี สิ่งนั้นจะหายได้ไงล่ะ

 

ชีวิตนักเขียนก็มีอนิจจังให้ดูแบบนี้ล่ะครับ

บางช่วงเหมือนจะมีความคิดผุดขึ้นมากมาย

เขียนปรื๊ด เขียนปรื๊ด ไม่หมดไม่สิ้น

บางช่วงเหมือนจะมีเรื่องให้เขียน

แต่พอจะลงมือเขียนจริงๆ กลับไม่รู้จะเขียนว่าอะไร

 

เบี้ยวไปได้สัปดาห์หนึ่ง พอถึงกำหนดส่งต้นฉบับอีกครั้ง

น้องเขาก็มาทวงต้นฉบับตามธรรมเนียม ก็ยังคิดไม่ออกอีก

ถึงกับต้องคว้าเอายาดมมาเปิดฝายัดเข้าจมูก

 

อย่าเพิ่งขำไปนะ การมียาดมของผม ไม่เกี่ยวกับวัยแต่อย่างใด

แต่เพราะผมชอบกลิ่นยาดมมานานแล้ว

 

สมัยเรียนที่ท่าพระจันทร์ ที่ร้านหนังสือดอกหญ้า

จะมียาดมส้มโอมือของแท้ขาย กลิ่นหอมมาก

หลังจากจบมาก็หาซื้อยี่ห้อนี้แบบนี้ยาก

มียี่ห้อที่ทำบรรจุภัณฑ์คล้ายกัน ชื่อคล้ายกัน

แต่กลิ่นมันไม่ใช่ส้มโอมือที่ผมคุ้นเคย

 

แต่ถามว่ายาดมอื่นใช้ได้มั้ย ได้ครับ

อันที่กลิ่นแรงๆหน่อย ผมมักจะมีติดไว้ดมแก้ง่วงตอนขันรถ

อันที่กลิ่นบางเบาหน่อย ก็ดมเวลาคิดอะไรไม่ออกแบบนี้

แต่ถ้าให้เลือกได้ ก็อยากจะเลือกส้มโอมือแบบดั้งเดิม

 

กระทั่งเรื่องยาดมก็บอกอะไรได้บางอย่างนะ ทำเป็นเล่นไป

ว่า... คนเราก็เป็นแบบนี้แหละครับ

อะไรที่เราชอบ เราคุ้นเคย เราถนัด

เราก็จะยึดมั่นถือมั่นว่ามันดีที่สุดแล้ว

 

ไปถามคนขับฮอนด้าส่วนใหญ่ เขาก็ว่าฮอนด้าดี

แต่ถ้าไปถามคนขับโตโยต้าส่วนใหญ่ เขาก็จะว่าโตโยต้าดีกว่า

 

หรือถามคนที่ชอบไอโฟน ว่ามันดีกว่าซัมซุงกาแล็กซี่โน้ตยังไง

แล้วเปลี่ยนไปถามคนใช้กาแล็กซี่โน้ต ว่ามันดีกว่าไอโฟนยังไง

 

ทุกคนจะมีคำตอบดีๆให้เราครับ ว่าสิ่งที่เขาชอบ คุ้นเคย

มันดีกว่าอันอื่น ยี่ห้ออื่น ยังไงบ้าง  

 

ส่วนตัวตนของเราเองนั้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึง

อยู่กับมันทุกวันตั้งแต่เกิด เห็นมันทุกวัน

เราก็รัก ทะนุถนอมและยึดมั่นถือมั่นว่ามันดีที่สุด

 

ขนาดตดของเรา คงไม่มีใครเพี้ยนคิดว่ามันหอมหรอกนะ

แต่เราก็ยังรู้สึกอยู่ดี ว่ามันเหม็นน้อยกว่าของคนอื่น จริงไหมล่ะ

 

ขนาดพระศาสนโสภณ (แจ่ม จัตตสัลโล) ยังเคยแต่งกลอนว่า

“โทษผู้อื่นแลเห็นเป็นภูเขา

โทษของเราแลไม่เห็นเท่าเส้นขน

ตดคนอื่นเหม็นเบื่อเราเหลือทน

ตดของตนถึงเหม็นไม่เป็นไร”

 

ถามว่ายึดมั่นถือมั่นแบบนี้

มันเสียหาย หรือมีโทษภัยอะไรเหรอ

ตอบว่า...ในระดับทางโลก

ถ้าไม่เบียดเบียนใครก็ไม่เป็นไรครับ

 

แต่ในทางธรรม การยึดมั่นถือมั่น

มันเป็นภาระทางใจมากครับ

ยิ่งรู้สึกดี รักมันมากเท่าไหร่

เราก็มีภาระต้องยึดต้องแบกมันไว้เท่านั้น

กระทั่งคนที่รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้เรื่อง สู้คนอื่นไม่ได้
ก็เป็นความยึดมั่นถือมั่น เป็นภาระทางใจอีกแบบ

 

เหมือนยาดม ที่ความจริงมันก็ดมได้เหมือนๆกันนั่นแหละครับ

แต่เราไปยึดมั่นถือมั่นว่ากลิ่นนี้ดีกว่ากลิ่นนั้น

มีการเปรียบเทียบเขาเทียบเรา สิ่งนั้นสิ่งนี้

เลยมีสิ่งที่ดีกว่า แย่กว่า ให้เป็นทุกข์ขึ้นมา

 

ถามว่า... แล้วจะให้ทำยังไง

ตอบว่า...ทำอะไรไม่ได้ครับ

นอกจากคอยรู้ทันใจตัวเองไว้นะ

อย่ามันจะยึดมั่น ก็ไม่กดข่ม ไม่ห้ามมัน

แต่อย่าช่วยมันยึดไว้เสียเอง

 

สุขสันต์วันหนึ่งครับ