Print

ธนาคารความสุข - ฉบับที่ ๑๕๒

eddy_coverนิชคุณ: บทเรียนจากปีศาจที่ กม. 35

โดย aston27
aston2


bank-152

(ภาพประกอบโดยความใจดีของคุณ SevenDaffodils ครับ)

ผมเป็นคนไม่ค่อยรู้จักดารา ฉะนั้นใครที่ผมรู้จัก มักจะต้องดังจริง
ผมเป็นคนไม่ค่อยเขียนถึงดารา ฉะนั้นเรื่องที่ผมเขียนถึง แปลว่ามันน่าสนใจจริง

นิชคุณเป็นคนหนุ่มที่น่ารัก เก่งในงานที่เขาทำ จิตใจดี อันนี้ไม่ได้รู้จักเป็นส่วนตัว
แต่ดูจากข่าวที่เขาแสดงความเป็นห่วงเป็นใยคนไทยช่วงน้ำท่วม เมื่อปีก่อน

นิชคุณเป็นข่าวใหญ่ในช่วงนี้ เพราะหนังเรื่อง รัก ๗ ปี ดี ๗ หน เรื่องหนึ่ง
กับเรื่องที่เขาดื่มแอลกอฮอล์ ถึงจะไม่ได้เมาแอ๋ แต่บังเอิญไปเฉี่ยวกับมอเตอร์ไซด์

เรื่องเกิดอุบัติเหตุ ไม่ใช่ประเด็นสำคัญหรอกครับ
เพราะผมเองไม่ดื่มแอลกอฮอล์ วันหนึ่งขับรถกลับบ้านอยู่ดีๆ
ก็มีมอเตอร์ไซด์ขับมาเร็วปรื๋อ เบี่ยงหลบรถเมล์
มาเฉี่ยวหน้ารถผม แล้วเสียหลักลงไปนอนแอ้งแม้งซะงั้น

แต่เรื่องดื่มแล้วขับ ถึงจะอยู่ในสภาพที่ไม่ดูแย่
แต่ถ้าผลวัดแอลกอฮอล์ออกมาแล้วเป็นบวก
มันก็เลี่ยงคำถามจากสังคมยากอยู่นะ

ยิ่งนิชคุณมีภาพลักษณ์ดีมาตลอด ยิ่งเป็นประเด็นให้สื่อเล่นง่าย
เหมือนนักเรียนลอกการบ้านเพื่อน แล้วครูจับได้เลยโดนตีหน้าเสาธง
บังเอิญว่าดันเป็นนักเรียนดีเด่นของประเทศเนี่ยสิ

ตอนฟังข่าว ก็นึกถึงคำครูบาอาจารย์อย่างหลวงพ่อปราโมทย์ ที่สอนพวกเราว่า
“...รักษาศีลนะ แล้วศีลจะรักษาเรา”

ในหนัง รัก ๗ ปี ดี ๗ หน นิชคุณ แสดงเป็นหนุ่มที่มุ่งมั่นกับการวิ่งมาราธอน
ครั้งแรกที่ลงแข่ง เขายังไม่ประสีประสา เลยพังพาบที่ กม. ๓๕
เป็นเหตุการณ์ที่เขาเรียกว่า “ปีศาจที่กิโลเมตรที่ ๓๕”

เป็นบทเรียนสำคัญให้เขาลุกขึ้นมาเริ่มหัดวิ่งใหม่
เพื่อเอาชนะปีศาจตัวนั้นให้ได้ และไปถึงจุดหมายที่เส้นชัยของมาราธอน

ความน่ารักของบทตอนนี้อยู่ที่ เขาไม่ได้วิ่งเพื่อเอาชนะใคร
แต่เพื่อเอาชนะ “ปีศาจที่ กม. ๓๕” ซึ่งก็คือจิตใจของตัวเองนั่นแหละ

จะว่าไป อาการสะดุดในชีวิตที่นิชคุณต้องเผชิญอยู่
ก็ไม่ต่างอะไรกับเจ้าปีศาจที่ กม. ๓๕ ในหนังหรอกครับ
แต่เปลี่ยนจากนักวิ่งมาราธอน ที่ต้องเอาชนะทัศนคติของคนที่บ้าน
และข้อจำกัดทางกายภาพของตัวเอง มาเป็นซุปเปอร์สตาร์คนหนึ่ง

ผมยังมั่นใจเกินล้านว่า ที่สุดแล้วนิชคุณจะผ่านปีศาจตัวนี้ไปได้
แบบเดียวกับบทที่เขาแสดงในหนัง
เพราะมือที่คอยฉุดให้เขาลุกขึ้น ในหนัง อาจมีแค่มือของคุณสู่ขวัญ
แต่ในชีวิตจริง เขามีแฟนๆเขาอีกเป็นล้าน คอยยื่นมือมาเอาใจช่วย
ให้เขาลุกขึ้น เรียนรู้จากบทเรียน แล้วเริ่มออกวิ่งใหม่

ในชีวิตจริงของนักภาวนา เราก็ทำได้เท่านั้นแหละครับ
วิ่งไปเรื่อยๆ ล้มแล้วก็ลุก แล้วเริ่มนับหนึ่งใหม่ ล้มอีก ก็ลุกอีก

ในหนังเรื่องซีบิสกิต เขาบอกว่า
เราคงไม่โยนชีวิตทั้งชีวิตทิ้งไป เพียงเพราะมันมีตำหนินิดหน่อย
จริงของเขานะครับ

สุขสันต์วันที่เราล้มแล้วลุกได้ครับ