Print

ธนาคารความสุข - ฉบับที่ ๑๓๔

"It’s Kind of a Funny Story: ชีวิตนี้หนาช่างน่าขำ"

aston2โดย aston27

 


bank-134

คุณว่าคนบ้ากับคนไม่บ้า ใครน่าสงสารกว่ากันครับ?
ถามให้ถูกกว่านั้น คุณว่าใครบ้ากว่ากัน ?

วันนี้มีหนังที่อยากแนะนำให้ลองหา DVD มาดูครับ
เป็นหนังเล็กๆ ที่พูดถึงชีวิตในโรงพยาบาลบ้าของคนกลุ่มหนึ่ง

ผมเคยแอบสงสัยว่า
ทำไมเราชอบเรียกสถานรักษาผู้ป่วยทางจิตว่าโรงพยาบาลบ้า
ทั้งที่โรงพยาบาลสถานที่นั้นก็ไม่ได้บ้า แต่คนน่ะบ้า ว่าไหม ?

เคยมีคนสร้างหนังเกี่ยวกับโรงพยาบาลแบบนี้ไว้หลายเรื่องครับ
อย่างเรื่อง One Flew Over the Cuckoo's Nest ที่แสดงโดยแจ็ค นิโคลสัน
ก็เป็นหนังเกี่ยวกับโรงพยาบาลบ้าที่ผมยกนิ้วให้ว่าเป็นหนังขึ้นหิ้งที่ควรดู
หรืออย่างหนังไทยก็มีหนังที่พี่เบิร์ด ธงไชย แสดงคู่จินตหรา ชื่อหลังคาแดง
ที่กำกับโดยพี่หง่าว ยุทธนา มุกดาสนิท

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไหน ผมดูแล้วก็มักจะมีคำถามในใจว่า
ตกลงคนบ้ากับคนไม่บ้า ใครบ้ามากกว่ากัน แล้วแบบไหนมันน่าสงสารกว่า

It's Kind of a Funny Story เป็นเรื่องของเด็กวัย ๑๖ คนหนึ่งชื่อเครก
ครอบครัวอบอุ่น ได้เรียนโรงเรียนดี ฐานะโอเค หน้าตาก็โอเค

แต่เครกกลับรู้สึกว่าตัวเองไม่มีอะไรพิเศษโดดเด่น "เมื่อเทียบกับคนอื่น"
และคิดมากจนมีอาการซึมเศร้า และนึกถึงฝันถึงการฆ่าตัวตายบ่อยๆ
จนกลัวว่าตัวเองจะไปทำจริงๆ เลยพาตัวเองมาให้หมอรักษา
สุดท้ายก็จับพลัดจับผลู ต้องเข้ารักษาตัว ๕ วัน

สุดท้าย ใน ๕ วันนั้น เขาก็ได้รับการรักษาจริงๆ แต่ไม่ใช่จากหมอ
จากเพื่อนคนไข้ทั้งหลายที่ดูเพี้ยนๆนั่นแหละ

เขาได้เรียนรู้ว่า ในขณะที่เขารู้สึกด้อยกว่าเพื่อนๆ ด้อยกว่าคนอื่น
ในขณะที่รู้สึกว่าเขาเป็นแค่คนธรรมดาๆที่ไม่ค่อยมีคุณค่าอะไร
ในขณะที่เขาไม่เห็นคุณค่าอะไรของสิ่งที่มี และอยากจะทิ้งมันไปนี่แหละ
โลกนี้มีคนอีกจำนวนมากที่พยายามดิ้นรน เพื่อจะได้มีชีวิตธรรมดาแบบเขา

ชีวิตธรรมดาที่เขาเบื่อ กลับเป็นสิ่งที่คนหลายคนตะเกียกตะกาย
เพื่อจะได้มีชีวิตแบบนั้นสักวัน แม้จะช่วงสั้นๆ ไม่กี่ชั่วยาม

ไม่ว่าการได้เล่นบาสเกตบอลสักครึ่งชั่วโมง การได้ออกมาเห็นฟ้ากว้างๆ
ได้กินกาแฟจากตู้ขายกาแฟนอกโรงพยาบาล

หรืออย่างกิจกรรมที่เป็นความหวังสูงสุดของของผู้ป่วยที่นั่น
คือการหวังแค่จะได้มีปาร์ตี้กินพิซซ่ากันสักมื้อ
ก็ยังต้องรวบรวมเงินกันเลือดตาแทบกระเด็น

เรามักจะรู้สึกว่าผู้ป่วยที่มีอาการทางจิตเป็นคนน่าสงสาร
แต่ดูหนังเรื่องนี้จบแล้ว ก็นึกสงสัยขึ้นมาว่า

ระหว่างคนที่ตะเกียกตะกายต่อสู้เพื่อจะมีชีวิตปกติธรรมดา
กับคนที่มีชีวิตปกติธรรมดาอยู่แล้ว แต่ไม่เห็นค่าของมัน
คนไหนน่าสงสารกว่ากัน

ความสำเร็จของชีวิต ใช่ว่าจะต้องมีทุกอย่างสมบูรณ์ไร้ตำหนินะ
บ๊อบ ดีแลน เคยพูดว่า ความสำเร็จคือการที่คนคนหนึ่งตื่นขึ้นตอนเช้า
และเข้านอนตอนกลางคืน โดยในระหว่างวันได้ทำสิ่งที่เขาอยากทำแล้ว

และที่สำคัญ ผมคิดว่าเราไม่ควรวัดว่าใครประสบความสำเร็จในชีวิต
จากทรัพย์สินที่เขามี จากสิ่งที่เขาได้ แต่น่าจะวัดจากสิ่งที่เขาได้ทำให้คนอื่น

อย่างพระพุทธเจ้า พระอัครสาวก ครูบาอาจารย์ ท่านไม่มีอะไรเลยนะ
ทั้งเนื้อทั้งตัวมีเสื้อผ้าชุดเดียว บาตรใบเดียว กุฏิก็หลังนิดเดียว
ไม่มีทรัพย์สินอื่นใด ทำไมท่านมีความสุขเยอะแยะ

ทำไมบางคนมีบ้าน มีรถ ยศถาบรรดาศักดิ์ มีเสื้อผ้าเต็มตู้
ก็ยังมีชีวิตอยู่กับความไม่อิ่ม ไม่พอ ไม่สุขจริงๆ สักที

นึกถึงเพลงที่เขาร้องว่า เมื่อคิดให้ดีโลกนี้ประหลาด...
ก็ประหลาดดีนะและประหลาดแบบน่าขำด้วย
แบบชื่อหนังที่เขาว่า It's kind of a funny story น่ะ

สุขสันต์วันที่เรายังมีชีวิตธรรมดาๆ นะครับ