Print

ธนาคารความสุข - ฉบับที่ ๑๓๐

รักได้อีก...วิธี

aston2โดย aston27

 


bank-130
(ภาพประกอบโดยฝีมือและความใจดีของคุณ SevenDaffodils ครับ)

คนยุคนี้เขาขยันสร้างศัพท์และสำนวนใหม่ๆนะครับ

สองสามปีก่อน ผมไปอ่านบล็อคน้องคนนึง เขาไปถ่ายรูปต้นไม้ใบน้ำอะไรสักอย่าง
ทั้งรูปมันเขียวพรืดไปหมด เขาเขียนคำบรรยายใต้รูปว่า “เขียวได้อีก”

สารภาพว่านั่นเป็นครั้งแรกที่ผมเคยเห็นคนใช้วลีแบบนี้
คนเข้าวัยกลางคนแบบผมถึงกับมึนอยู่นานว่า ตกลงมันแปลว่าอะไร
จะว่ามันยังเขียวไม่พอ มันก็ดูเขียวขนาดนั้น จะเอาอีกเหรอ ^^”
เดชะบุญว่าผมมีเพื่อนอายุห่างกันสิบปีขึ้นอยู่ก๊วนนึง
เวลาไม่เข้าใจวัยรุ่นก็จะไปถามเด็กพวกนี้ได้ เลยได้คำตอบ
ว่าเขาจะบอกว่า มันเขียวมากกกก

ฉะนั้น ยุคนี้ถ้าใครพูดว่าสวยได้อีก แปลว่าเขาชมว่าสวยมากกกก
หรือถ้าเขาบอกว่าพี่แอสตันแก่ได้อีก นี่ก็ชมว่าแก่มากกก (เอ๊ะ... ชมใช่มะ) ^^”

แต่ผมมั่นใจว่าถ้าตอนสมัยผมวัยรุ่นแล้วมีคนเป็นแฟนกัน
ถ้าฝ่ายหญิงถามฝ่ายชายว่า...พี่รักหนูไหมหรือตัวเองรักเค้ามั้ย
เกิดผู้ชายตอบว่า “รักได้อีก” สงสัยจะงานเข้า หุหุ

เวลามีใครมาบอกว่า รักใครอีกคนมากชนิดลากทวีปอเมริกามาถึงไทยได้
ต้องไม่ลืมว่า มันของไม่เที่ยงไม่ถาวร ไม่ทนจนค้ำฟ้า ไม่ใช่อะไรที่สั่งได้หรอกนะครับ
วันนี้รักมาก มะรืนนี้ก็อาจจะหมดรักได้ ตามเหตุปัจจัย

ความรักในใจจะมากจะน้อยก็เรื่องหนึ่ง ว่ากันไม่ได้
แต่มีแล้วจะแสดงออกยังไง นั่นก็อีกเรื่อง

จะพูดว่ารักมาก รักที่สุด โคตรรัก รักทุกลมหายใจ รักทุกการผายลม
รักเบ่งบานปานจะแหวกจั๊กกะแร้ดม หรือพูดเก๋ๆว่า “รักได้อีก” ก็ตามแต่
ที่แน่ๆ รักแท้มันไม่ใช่รักที่แสดงออกด้วยความอยากได้ อยากเอา

เคยมีหลายท่านมาปรึกษาผมเรื่องความรักต้องห้าม
ส่วนมากเลยคือไปยุ่งกับคนมีเจ้าของแล้ว จะเป็นมือที่สาม ว่างั้น
แล้วก็สับสนระหว่างคำว่า “ความรักชนะทุกอย่าง” กับ “ความถูกต้อง”

อยากบอกว่าความรักชนะได้ทุกอย่าง ยกเว้นตัวมันเอง
มันจะแพ้ตัวเอง เพราะทุกอย่างในโลกนี้รวมถึงความรัก
ล้วนแต่มีเหตุก็เกิด หมดเหตุก็ดับ บังคับไม่ได้

เคยมีหนังโบราณๆชื่อ Invaders From Mars
พูดถึงมนุษย์ต่างดาวจากดาวอังคาร ที่มาบุกรุกรานโลก
ด้วยเทคโนโลยีด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ที่เหนือกว่า
ตอนแรกๆก็ปราบมนุษย์ซะหยู่หมัด แต่ตอนหลังก็แพ้แบบง่ายๆ
เพราะพอเจอไวรัสหวัดธรรมดาๆของชาวโลกนี่แหละ
เล่นงานเอาซะงอมง่อยกลับดาวอังคารไป

ความรักก็เป็นแบบนี้ครับ มันดูยิ่งใหญ่ไร้เทียมทานสะท้านบู๊ลิ้ม
แต่พอเวลาผ่านไป มันมักจะตายง่ายตายดายเหมือนคายอ้อย

เคยทานอ้อยใช่ไหมครับ ที่เขาหั่นเป็นชิ้นๆขาย ให้เราจิ้มใส่ปากเคี้ยวๆ
เคี้ยวจนหมดรสหวาน แล้วก็ต้องคาย อันนี้ธรรมชาติ ไม่มีใครกินกากอ้อย
เว้นแต่ใครที่ว่านั้นจะมีหาง มีงา มีงวงยาว และพุงย้อย

กากของความรัก ก็คือสิ่งที่เรียกว่าความอยาก ภาษาบาลีท่านเรียกตัณหา
ทั้งอยากเจอ อยากได้ อยากเป็นแฟน อยากมีอะไรกัน อยากเป็นเจ้าของ
เวลาเรามีตัณหา อยากได้สิ่งใด จิตมันจะทะยานไปหาสิ่งนั้น
อาการที่มันทะยานนี่แหละครับ ที่เป็นเหตุของทุกข์

เรื่องรักต้องห้าม มันไม่ดียังไง ผมคงไม่บรรยายเพราะทุกท่านคงพอรู้
แค่คิดก็ทุกข์ อยากได้ก็ทุกข์ อยากแล้วไม่สมอยากก็ทุกข์
สมอยากแล้วก็ยังทุกข์อีก เพราะมันต้องหลบๆซ่อนๆ กลัวโดนจับได้

บางคนถามว่า...เวลามีรักต้องห้ามจะห้ามได้ยังไง ก็จิตเป็นอนัตตาไม่ใช่เหรอ
แหม...คนถามนี่มันฉลาดนะ แต่ยังฉลาดน้อยไปหน่อย

ที่เขาเรียกรักต้องห้าม ไม่ใช่ว่าต้องห้ามใจไม่ให้รัก
แต่ควรห้ามและต้องห้าม...การกระทำ ไม่ให้ตามจิตไปจนมันเกินเลยครับ

จะรักมาก ร้ากกกกก รัก ก็ไม่เป็นไรหรอก ถ้ารู้ทันใจ มีสติ
เพราะสติจะไม่ทำให้คนที่เรารัก เขาต้องทำผิดศีล ทำบาปอกุศลร่วมกับเรา
ถ้าแบบนี้ใช้ได้ครับ อย่างมากก็ทุกข์ใจบ้างตามสมควร
ศีลถึงเริ่มหมองๆ แต่ก็ยังอยู่บริบูรณ์ ไม่ขาด ไม่หายไป

ถามว่าแล้วทางออกคืออะไร
เชื่อผมนะ ถ้ามั่นใจว่ารักจริง รักได้อีก ต้องเชื่อว่า
เราสามารถรักได้อีก...วิธี

คือส่งเสริมให้เขาเจริญ มีชีวิตที่ดี ที่สว่าง ที่สงบ
ให้เขาได้พบทางที่จะพ้นทุกข์ ไม่ใช่เพิ่มความยึดมั่นถือมั่น
อย่าดึงเขาลงต่ำแต่ให้นำทางเขาไปในที่สูง พ้นจากบาปอกุศล
ทำได้แบบนี้แล้ว จะพูดได้เต็มปากว่าเรารักเขา

คนเราไม่จำเป็นต้องรักกันแบบชู้สาว เป็นแฟน เป็นผัวเมีย
ถึงจะมีความสุขนะ อันนี้พูดจากประสบการณ์จริง
เป็นกัลยาณมิตร เป็นเพื่อน เป็นพี่น้องกัน ปรารถนาดีต่อกัน ก็มีความสุขได้

ความรักทำให้คนสุขใจและทุกข์ใจได้ในเวลาเดียวกัน
ความรักทำให้คนเป็นคนดี และเลวได้ในคนเดียวกัน
ความรักชนะได้ทุกอย่าง แต่ก็ทำลายทุกอย่างได้
ถ้าขาดสติ ขาดปัญญานะ

สุขสันต์วันที่ยังมีคนบอกว่า... รักนะ จุ๊บๆ กันอยู่ครับ