Print

ธนาคารความสุข - ฉบับที่ ๑๒๔

บทเรียนจากชั่วโมงรถติด

aston2โดย aston27




bank-124

(ภาพประกอบโดยความเมตตาของคุณ SevenDaffodils ครับ)

คุณผู้อ่านมีปัญหาเรื่องรถติดมารบกวนใจบ้างไหมครับ
ถ้าคุณเป็นประชากรคนหนึ่งในเมืองหลวง ก็เป็นปกติที่จะต้องเจอปัญหานี้

ผมมีกิจต้องไปทำแถวหลักสี่เมื่อตอนเย็นวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา
พอเสร็จธุระตอนเย็นที่ว่า ดันเป็นเวลาดีที่คนเขาแห่กันกลับบ้านเสียด้วย
นึกออกใช่ไหมครับว่าถนนแจ้งวัฒนะช่วงหน้าศูนย์ราชการ ตอนห้าโมงหน่อยๆ
สภาพที่มีรถแห่กันออกจากศูนย์สักหมื่นคัน มันโกลาหลขนาดไหน

ผมเคยนึกภาพว่า มันคงเป็นช่วงเวลาแห่งความอบอุ่นยิ่งกว่าในโฆษณาสุกี้
แต่พอเจอกับตัวเอง ถึงได้รู้ว่ามันเกินกว่าที่นึกไว้เสียอีก

จากแยกหลักสี่ถึงเซ็นทรัล ผมใช้เวลาประมาณเกือบชั่วโมง
และเต็มไปด้วยการเบียด ปาด แย่งเลน ตามปกติของคนกทม.
ที่เลิกงานแล้วต่างก็อยากรีบกลับบ้าน จนบางทีก็ลืมว่าคนอื่นก็รีบเหมือนกัน
โชคดีที่ผมทำใจแล้วว่า "มันต้องเป็นแบบนี้แหละ"
แล้วก็นั่งฟังซีดีหลวงพ่อปราโมทย์ไปเรื่อยๆ รู้สึกตัวไปด้วย
นั่งเล่นเกม "รู้ทันจิต" ไปมั่ง สักพักก็สลับมารู้ลมหายใจเข้าออกมั่ง

ตอนนั้นผมคิดว่าดีเหมือนกัน ได้นั่งเล่น มีเวลาส่วนตัวในการภาวนาบนรถ
ถึงเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น เพราะมันทำอะไรไม่ได้นี่ครับ ต้องเข้าใจว่านี่มันเมืองใหญ่ :)

ปัญหาที่ทำให้รถติดมีหลายเหตุครับ รถเยอะ ถนนน้อย อุบัติเหคุ รถเสีย คนเห็นแก่ตัว
แต่ก็นั่นแหละนะ เราคงไปเรียกร้องให้คนอื่นเลิกซื้อรถ เลิกเอารถมาขับ
หรือเปลี่ยนความคิดคนอื่นให้เขาเลิกขับนิสัยแย่ๆ ไม่ได้ ใช่ไหมครับ

ผมเคยสังเกตว่าถ้าวันไหนรถติดแล้วเรามีนัด ยิ่งถ้าออกจากบ้านช้าด้วยนะ
เราจะกระวนกระวายมากกว่าวันที่เราไม่มีนัดอะไร

แล้วเคยนั่งรถไปกับคนที่เรารักเราชอบใหม่ๆไหมครับ
ในเวลานั้นจะรู้สึกราวกับว่าถ้ารถจะติดถึงเช้าเราก็ยินดี
ฉะนั้นแปลได้ว่า ที่คนเราหงุดหงิดไม่ใช่เพราะรถติด
แต่เพราะอยากไปไวๆ เท่านั้นเอง

ผมเคยรำคาญรถคันที่ขับอยู่ข้างหน้าช้าๆ ในเวลาที่รีบจะไปให้ทันนัด
ก่อนจะได้สติว่าการที่เราออกจากบ้านช้า ไม่ใช่ความผิดของคันหน้านะ

บางทีเราเผลอไปเอาภาระของเราไปโยนให้คันหน้าเรา
ทั้งๆ ที่เขาไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ไม่มีส่วนได้เสียด้วยกับภารกิจของเรา

อีกอย่างคือเขาไม่ได้ขับช้าหรอก
เขาแค่ไม่ได้ขับเร็วเท่าที่ใจเราอยาก เราพอใจเท่านั้นเอง

ผมบอกตัวเองเสมอว่า ถ้าไม่อยากเจอรถติด ให้ไปอยู่สบก๋อย ดอยปุย
อย่าไปเรียกร้องว่าจะอยู่เมืองใหญ่แล้วจะต้องเจอการจราจรในฝัน :)

ทุกอย่างในชีวิตมีราคาของมันนะครับ
ถ้าเลือกจะอยู่เมืองหลวง ก็ต้องรับสภาพเงื่อนไขของชีวิตเมืองหลวง
อย่าคร่ำครวญ จะได้ไม่เพิ่มทุกข์ให้ตัวเอง :)

รถติดก็สอนธรรมะให้เราได้ในทางหนึ่ง
เหมือนกับทุกข์อีกหลายอย่างที่เราเคยเจอ เจออยู่และจะต้องเจอ

เราเลือกไม่ได้หรอกครับ ว่าวันไหนจะให้รถติดหรือรถว่าง
แต่เราเลือกวางใจของเราให้อยู่บนพื้นฐานของสติ เมตตาและปัญญาได้

ถ้าครั้งต่อไปที่เจอรถติด ลองมองรถคันที่อยู่รอบๆ เรา
เป็นเพื่อนร่วมทุกข์ ร่วมเกิดแก่เจ็บตาย ทุกคนมีกรรมเป็นของตัวเอง
ลองคิดว่าไปช้าก็ยังดีกว่าไปไม่ถึงที่หมาย อะไรทำนองนี้


ไม่ว่าจะยังไง รถติดก็เรื่องของรถ แต่ใจเราอย่าไปติดในความหงุดหงิดก็แล้วกันนะ
สุขสันต์วันที่รถยังติดเป็นธรรมดานะครับ