Print

ธนาคารความสุข - ฉบับที่ ๑๒๑

เรื่องได้-เสีย

aston2โดย aston27

 

 

bank-121
(ขอบคุณภาพประกอบโดยความเอื้อเฟื้อจากผู้อ่านใจดีครับ)

จั่วหัวข้อไว้แบบนี้ หลายคนอาจจะตาโต
ไม่ได้จะมาพูดเรื่องการมีเพศสัมพันธ์หรอกนะครับ ใจเย็นๆ อย่าเพิ่งตื่นเต้นไป

มีนิทานเซ็นเรื่องหนึ่งเล่าว่า…
มีเศรษฐีผู้หนึ่งนิมนต์พระเถระผู้ใหญ่รูปหนึ่งไปฉันเพลที่บ้าน
จริงๆ ต้องเรียกว่าคฤหาสน์นะ ถึงจะเหมาะกับขนาดและฐานะของเศรษฐี
เศรษฐีท่านนี้ขึ้นชื่อในเรื่องขี้เหนียวและเป็นคนคิดเรื่องผลตอบแทนในการทำทุกอย่าง
ไม่เว้นกระทั่งการทำบุญ

พระเถระท่านก็ทราบเรื่องนี้ดี จึงอยากให้บทเรียนกับเศรษฐีบ้าง
หลังจากประเคนอาหารเสร็จแล้ว ฉันเสร็จก็แล้ว พระท่านก็นิ่ง
เศรษฐีก็กระวนกระวาย ว่าทำไมหลวงพ่อไม่ยถาสัพพีให้เสียที

จนกระทั่งได้เวลาท่านจะกลับ เศรษฐีก็ทักท้วงขึ้นว่า
“อ้าว... ท่านยังไม่ได้ยถาสัพพีให้กระผมเลย”
พระเถระก็ถามกลับว่า “เอ้า แล้วทำไมเราจะต้องยถาสัพพีให้ล่ะ”
เศรษฐีก็อึกอักพักนึง แล้วก็โพล่งว่า
“ก็กระผมเลี้ยงอาหารท่าน ท่านก็น่าจะให้ศีลให้พรกระผมเป็นการตอบแทนไงครับ”

พระเถระจึงถามว่า “นี่แน่ะโยม อาตมาถามหน่อย...
...ที่อาตมาฉันอาหารของโยมนี่ ใครได้บุญ โยมหรืออาตมา?”
เศรษฐีทำหน้างงๆ แล้วอ้อมแอ้มว่า “ก็กระผมได้บุญขอรับ”
“ถ้างั้น ใครควรจะขอบใจใครล่ะโยม?” พระเถระทิ้งท้ายก่อนจะเดินจากมา

เล่านิทานให้ฟังเพราะระหว่างทางกลับบ้าน ผมนึกอะไรได้อย่างหนึ่ง
คือเวลาบอกให้ใครรู้จักทำทานเพื่อการสละออก ไม่ใช่เพื่อจะเอาเข้ามา
ทำไมบางคนทำง่าย ทำไมบางคนทำยาก

ได้คำตอบว่า เพราะเวลาพูดถึงการสละ เราชอบใช้คำว่า “เสียสละ”
คนเราพอรู้สึกว่าต้องเป็นฝ่าย “เสีย” ก็ไม่มีใครชอบ
แต่ลืมไปว่าจริงๆทุกครั้งที่สละ เรานั่นแหละเป็นคน “ได้”
ได้บุญกุศล ได้ลดความตระหนี่ ได้ลดความยึดติดถือมั่น

บางทีเวลาเราโตมาในสังคมที่มองทุกอย่างเป็นธุรกิจ
เราก็มัวแต่สนใจเรื่องว่าใครได้ ใครเสีย ลงทุนอะไรแล้วจะได้อะไร
จนลืมไปว่าบางอย่างมันก็ให้ความสุข ให้ความสว่างในใจแล้ว ตั้งแต่ลงมือทำ

เหมือนอย่างรูปประกอบวันนี้ บางคนอาจจะหมกมุ่นสนใจเรื่องว่า
พระอาทิตย์กำลังขึ้นหรือกำลังตก จนลืมไปว่าอันไหนก็ไม่สำคัญ
ถ้ามันสวยขนาดนี้ จะสนใจทำไมว่ามันกำลังขึ้นหรือกำลังตก
จะเรียกว่า “ได้สละ” หรือ “เสียสละ” ก็ไม่เป็นไร
ขอให้ใจเบิกบานที่ได้สละ ก็พอแล้วดีไหมครับ

สุขสันต์วันที่ยังมีโอกาสได้สละออกทุกท่านครับ