Print

ธนาคารความสุข - ฉบับที่ ๑๒๐

เรื่องหนึ่งที่พึงทำ

aston2โดย aston27

 



bank-120
(ภาพประกอบสวยๆ โดยความเอื้ออารีของคุณ SevenDaffodils ครับ)

ตั้งแต่ผมใช้ทวิตเตอร์ และ Facebook เป็นช่องทางสื่อสาร
ผมก็ได้พบปัญหาที่มาในรูปของคำถามที่หลากหลายขึ้นกว่าเดิม
แต่แทบทุกคำถาม ไม่ว่าจะเริ่มต้นยังไง ดำเนินไปด้วยเนื้อหาอะไร
ล้วนต้องการคำตอบเดียวกันว่า “ควรจะทำยังไงดี”

เรื่องหนึ่งที่สังเกตได้คือ จำนวนคนที่ถามปัญหาส่วนตัว มักเป็นผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย
อันนี้ไม่ทราบเกี่ยวกับเหตุผลทางจิตวิทยาหรือเปล่า ที่เขาบอกว่า
ผู้หญิงมีปัญหาแล้วจะอยากพูด ผู้ชายมีปัญหาแล้วจะอยากเก็บ

ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมคนชอบมาปรึกษาผม (มีคนบอกว่าเพราะฟรีไง)
ทั้งๆที่ในความจริง ผมมักจะไม่ตอบอะไรแบบฟันธง เพราะผมไม่ได้ชื่อลักษณ์
แล้วที่บ้านก็ยังไม่มีธงสักอัน เลยไม่รู้จะฟันตรงไหน
ครั้นจะให้ตอบแบบหมอ Confirm ผมก็ออกจะเป็นแนวชอบ Cancel เสียมากกว่า

ส่วนมากใครมาปรึกษาอะไรผมก็จะขอให้เขาเขียนมาเล่ารายละเอียดก่อน
เพราะผมพบว่าการเขียนนั้นบังคับให้คนเราต้องเรียบเรียงความคิด
ก็คือร้อยเรียงเรื่องราวประสบการณ์ที่เขาเจอมาให้เป็นระบบ

บางคนพอลงนั่งเขียนๆไป ก็จะเห็นเองว่าปัญหาคือตัวเองกำลังพายเรือในอ่าง
บางคนเริ่มได้สติ เมื่อได้ทบทวนเรื่องของตัวเอง ผมแทบจะไม่ต้องตอบอะไรก็มี

คนเราถ้าตั้งสติได้ นั่งเรียงลำดับเรื่องราวเหตุการณ์เสียหน่อย
แล้วไม่ใช้อคติเข้าข้างตัวเอง หรือเข้าข้างคนอื่นมากไป
มันจะเริ่มเห็นคำตอบบางอย่างค่อยๆโผล่ขึ้นมา มากบ้างน้อยบ้าง

ที่เดิมทีมันไม่เห็น เพราะจิตเรามีธรรมชาติชอบคลุกวงในครับ
ที่ชอบคลุกเพราะรักในตัวตน อยากให้มันดี มันสุข เวลามีทุกข์ถึงทนไม่ได้
ขาดสติต้องลงไปคลุก เพื่อผลักใสให้มันพ้นๆไป จนไม่ได้มองปัญหาด้วยสติ

หลักการเดียวกับเรื่องความตั้งมั่นของจิต เวลาภาวนานั่นแหละครับ
ถ้าจิตไม่ตั้งมั่น ก็ยังไม่เป็นกลาง เมื่อยังไม่เป็นกลาง ก็ไม่เห็นความจริง
เมื่อไม่เห็นความจริง ก็ไม่เกิดปัญญา ไม่มีปัญญาก็ยังไม่เจอทางออก
ธรรมะของพระพุทธเจ้า เป็นเหตุเป็นผลกันอย่างนี้นะ

ครูบาอาจารย์ถึงสอนให้มีสตินะๆ มีสตินะๆ เจอทีไรก็มีสตินะ ก็เพราะเหตุนี้
เป็นชาวพุทธถ้าขาดสติตัวเดียว ก็เหมือนคนอีสานขาดปลาร้ากับข้าวเหนียวในสำรับ
จะมีอะไรเป็นกับก็ขยับปากไม่คล่องไม่อร่อยไปเสียหมด

เคยมีรายนึงถามว่าเวลาทุกข์มากๆ สติไม่มีจะให้ทำไง ผมก็จำครูบาอาจารย์มานะ
ท่านบอกว่าเจริญสติไม่ได้ ก็ให้ทำความสงบ ทำความสงบไม่ได้ให้รู้กายเคลื่อนไหว

ถามว่าถ้ารู้อะไรก็ไม่ได้ล่ะ..
ตอบว่า... ถ้าไม่ได้จริงๆ ก็ขอเรื่องเดียวนะ
คือ...ขอให้หายใจไว้ก็แล้วกัน อย่าหยุดหายใจ แล้วอดทนไปนะ
ทุกข์มันเกิดก็เกิดชั่วคราวเหมือนกับสุขนั่นแหละ
เมื่อมันผ่านมาได้ มันก็ผ่านไปได้ อย่าไปรั้งมันไว้ก็แล้วกัน

ปัญหาอย่างหนึ่งของคนเราคือ ไปทำสิ่งที่ไม่ควรทำ
เช่นปัญหาบางเรื่องมันถึงเวลาต้องเป็นอดีต มันจะต้องผ่านเลยไปแล้ว
เราก็ดันไปรั้งมันไว้เสียอย่างนั้น นั่นแหละที่ทำให้ปัญหาเป็นปัญหา

ถ้าคุณอ่านมาถึงตรงนี้แล้วนึกอยากแกล้งผมด้วยการถามว่า
“แล้วต้องทำยังไง” ผมก็จะตอบว่า..

ก็หายใจไว้ก็แล้วกันนะ อย่าหยุดนะครับ

สุขสันต์วันที่เรายังต้องหายใจเข้าหลังจากหายใจออกครับ