Print

ธนาคารความสุข - ฉบับที่ ๑๑๘

เพราะรู้ทุกข์จึงเติบใหญ่ เพราะเสียไปจึงได้มา

astonโดย aston27




aston1
(ภาพประกอบโดยความเอื้อเฟื้อของคุณ SevenDaffodils ครับ)

ตั้งใจว่าจะเริ่มบทความนี้ด้วยการถามว่า “สงกรานต์ ไปไหนครับ”
แต่กลัวจะมีคนตอบว่า “ไม่รู้ ไม่ใช่แอฟ ทักษอร” ^^” เลยไม่ถามดีกว่า

สงกรานต์ หรือการฉลองวันขึ้นปีใหม่ตามคติความเชื่อแบบไทย
ถือเป็นอะไรที่สำคัญสำหรับคนไทย ยิ่งกว่าตรุษจีนหรือตรุษฝรั่ง
แต่เพราะคนไทยชอบฉลอง สังเกตไหมครับ เราชอบความเฮฮาปาร์ตี้
เราเลยสังสรรค์กันได้ทุกเทศกาล ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรมชาติไหน ประเพณีใคร
ถ้าคนไทยรู้ เราจะ...ตามไปเฮ ^^

แต่ว่ากันไม่ได้นะ มันเป็นธรรมชาติใน DNA ของมนุษย์ทุกคน
ที่ชอบความสุขและรังเกียจความทุกข์
เรามีปกติในการรักที่จะได้มาและไม่ชอบที่จะเสียไป
แต่ลืมไปว่า บางทีเพื่อจะได้บางอย่างที่วิเศษมา
มันต้องยอมเสียบางอย่างไปก่อน
และบางครั้งสิ่งที่สวยงาม มันก็เกิดขึ้นท่ามกลางความไม่สวยงามนะ

รู้จักนักร้องตัวเล็กๆที่ชื่อ ชารีส ไหมครับ?
ชื่อจริงๆ ของเธอคือ ชารีส เพ็มเพ็งโก เป็นชาวฟิลิปปินส์โดยกำเนิด
ชีวิตวัยเด็กเธอลำบากมากครับ พ่อเธอขี้เมาไม่ดูแลครอบครัวและชอบซ้อมแม่
แม่เลยต้องหอบลูกเล็กๆ สองคนหนีมาลำบากทำงานต๊อกต๋อย
เพื่อเลี้ยงปากเลี้ยงท้องตัวเองและลูกๆ ไปวันๆ

ความจน เป็นแรงบันดาลใจสำคัญที่ทำให้ชารีสหัดร้องเพลง
และเริ่มเดินสายร้องประกวดชิงรางวัลตามเวทีต่างๆ ตั้งแต่อายุแค่เจ็ดขวบ
เจ็ดขวบนี่ หลายคนยังนอนตีพุงดูการ์ตูนเนทเวิร์ค โดราเอมอน
เล่นกระโดดเชือก และทำอะไรไม่เป็นนอกจากร้องจะไปเที่ยวสวนสนุกอยู่เลย
แต่ชารีสช่วยแม่ทำงานเลี้ยงครอบครัวแล้ว

aston2  

เธอดังขึ้นมาเพราะไปประกวดร้องเพลงในทีวีรายการหนึ่ง ตอนอายุ ๑๒
ครั้งนั้นเธอได้ที่สาม แต่มีคนที่ชอบเสียงเธอเอาคลิปไปใส่บนยูทูป
เธอเลยเริ่มมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก ได้ไปร้องโชว์ในรายการทีวีของเกาหลี
แล้วเอเลน ดีเจนเนอรีส ก็เชิญเธอไปออกรายการสองครั้ง
ตามด้วยโอปราห์ วินฟรีย์โชว์ รายการโชว์อันดับหนึ่งของอเมริกา

aston3 

แถมโอปราห์ยังยกหูโทรศัพท์ โทรหาเดวิด ฟอสเตอร์ ฝากชารีสด้วยตัวเอง
เดวิด ฟอสเตอร์ ขัดเกลาชารีส แล้วพาขึ้นคอนเสิร์ตของเขา
ที่จบลงด้วยฝรั่งทั้งฮอลล์ยืนปรบมือให้เด็กเอเชียนอายุแค่ ๑๖ ปีในตอนนั้น 
ทุกวันนี้ ผมเชื่อว่าคนอเมริกา รู้จักเธอครึ่งประเทศได้นะ

aston4

ชารีสมีวันนี้ได้ ไม่ใช่เพราะเธอโตมากับความสบาย ความสุข
เธอไม่มีพ่อ เธอเสียโอกาสที่จะได้กินอยู่เที่ยวเล่นสบายเหมือนเด็กทั่วไป
ถ้าบ้านเธอรวย ชีวิตเธอสบาย ตอนนี้เธอก็คงเป็นเด็กผู้หญิงธรรมดาๆคนหนึ่ง
ไม่ใช่ชารีสนักร้องอัจฉริยะที่โลกรู้จักตอนนี้

แต่เธอไม่ได้มีวันนี้เพราะชีวิตเธอลำบากอย่างเดียวนะครับ
เพราะคนมีชีวิตลำบากหลายคนก็ไม่ได้เลือกทางเดินชีวิตที่ดี
แต่เพราะเธอรู้จักปฏิบัติต่อความลำบาก ด้วยสติ ปัญญา ด้วยความเพียรด้วย

เธอไม่ใช่ตัวอย่างเดียวที่ต้องเผชิญทุกข์ ยาก ลำบาก ความสูญเสีย
แล้วเติบโตงอกงามขึ้นจากความสูญเสียนั้น

มีเรื่องเล่าว่า เจ. เค. โรว์ลิง นักเขียนที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลก
เธอนั่งเขียนพล็อตแฮร์รี่ พอตเตอร์ บนกระดาษเช็ดปากที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง
ที่เธอไปนั่งอาศัยไออุ่นเพราะบ้านโดนตัดแก๊ส ตัดไฟ เพราะไม่มีเงินจ่าย
ที่ไม่มีเงินจ่ายเพราะเธอตกงาน และสามีเธอทิ้งไป
เธอเลยนั่งระบายความทุกข์ เป็นตัวละครตัวหนึ่งที่โตมาในสภาพแวดล้อมที่บีบคั้น
แต่มีเวทย์มนต์เสกโน่นนั่นนี่ขึ้นมาได้ และกลายเป็นแฮร์รี่ พอตเตอร์ ในเวลาต่อมา

ถ้าสามีไม่ทิ้ง ถ้าเธอไม่ตกงาน เธอคงไม่มีวัตถุดิบ ไม่มีเวลา
และแรงบันดาลใจมานั่งเขียนหนังสือ ว่าไหมครับ
ป่านนี้เธอคงเป็นแม่บ้านนั่งขัดพื้นครัว หน้ามันอยู่ที่ไหนสักแห่งในอังกฤษ

พวกเราที่นั่งอ่านบทความนี้อยู่ ก็คงมีเรื่องทุกข์ใจกันไปคนละอย่างสองอย่าง
มากบ้างน้อยบ้าง ตามแต่เหตุปัจจัย และกรรมวิบากของแต่ละคน
หลวงตาพระมหาบัว ท่านสอนว่า
การไม่ยอมรับในความทุกข์ความลำบากบ้างเลย
แต่จะเอาความวิเศษเลิศโลกขึ้นมานั้นไม่มีทาง (จากทวิตของคุณหมอก้วยครับ)

ลองมองทุกข์ในมุมใหม่ วางใจให้เป็นเวลาเห็นการสูญเสียในชีวิต
เพราะวิกฤต มันมักจะมีโอกาสซ่อนอยู่ในนั้นเสมอนะครับ 

สุขสันต์วันที่ยังมีทุกข์ให้รู้ครับ