Print

ธนาคารความสุข - ฉบับที่ ๑๑๔

กับดักของการมี

aston2โดย aston27


 

bank-114
(ขอบคุณภาพประกอบโดยความเอื้อเฟื้อจากคุณแป๋ว SevenDaffodils ครับ)

เคยคิดไว้ไหมครับว่า โตขึ้นอยากเป็นอะไร

ผมเคยมีลิสต์งานที่ผมอยากทำมากมาย ยาวเป็นหางว่าว
หลายอย่างในรายการเหล่านั้น ผมเคยทำมาแล้ว บางอย่างก็กำลังทำอยู่

ผมเคยนึกอยากมีงานจ๊าบๆ ทำ อยากเป็นพวกครีเอทีฟ
ตอนจบใหม่ๆ เคยพยายามถีบตัวเองเท่าไหร่ ก็ไม่ได้เป็นสักที

แต่มาค้นพบว่าคนเราสามารถเป็นครีเอทีฟได้ในชีวิตประจำวัน
พูดซื่อๆ คือไม่ต้องมีเงินเดือน เราก็ครีเอท สร้างสรรค์ได้ทุกวัน

ตั้งแต่เรื่องเบสิคอย่างหุงข้าว ทอดไข่
ไปจนถึงการปฏิบัติภาวนา ผมยิ่งว่ามันครีเอทสุดๆ เลยนะ

เพราะการภาวนาขั้นที่ละเอียดที่สุด
มันเหมือนเคล็ดวิชากำลังภายในอย่างที่โกวเล้งเขาว่า
...กระบี่อยู่ที่ใจ ที่สุดของกระบวนท่า คือไร้กระบวนท่า
อะๆ อะๆ ลงจากบู๊ตึ้ง ง่อไบ๊ คุนลุ้น เส้าหลิน กันมาก่อนครับ มาคุยกันต่อ

แล้วคุณๆ เคยคิดอยากมีโน่นนั่นนี่บ้างไหมครับ
?
ถ้าให้จดรายการออกมา รับรองมีกันทุกคนแหละ ไม่ต้องมาอมยิ้ม J

ในจำนวนนั้น มีอะไรบ้างที่เรามี จนลืมไปแล้ว
อะไรบ้างที่เคยมี จนมีอันใหม่ๆ นับแทบไม่ไหว
บางคนมีเสื้อเป็นร้อยชุด ยัดกันจนตู้เสื้อผ้าแอ่น
บางคนมีร้องเท้า ตุ้มหู มากจนไม่รู้เท่าไหร่
แต่เราก็ยังอยากได้อันใหม่ๆ เสมอ

เห็นไหมครับว่าการได้มาของสิ่งเหล่านั้น
มันไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของชีวิต
ไม่อย่างนั้น เราคงหมดอยากไปตั้งแต่ได้ของสองสามชิ้นแรกแล้ว

แล้วอะไรบ้างที่อยากมี แต่ไม่เคยมีสักที
ถ้าคุณมีรายการอันหลังสุดนี้ ผมจะบอกว่าโชคดีแล้วล่ะ

เพราะรายการอย่างหลังนี่ ถ้าไม่เป็นเรื่องคนรัก
ก็มักเป็นเรื่องของแพงๆ...พวกรถ บ้าน ผมเดาถูกไหม

แล้วในเมื่อยังไม่ได้ มันโชคดียังไง ผมจะเล่าให้ฟัง

เมื่อสองสัปดาห์ก่อน ผมหนีกทม. ไปเที่ยวเหนือมาครับ
ไปนอนในเมืองเชียงใหม่สองคืน แล้วไปปางอุ๋ง แม่ฮ่องสอน
ต่อด้วยห้วยน้ำดัง เชียงใหม่และลำปาง

อยู่ๆไป เกิดปัญญาวุฒิ กเรเตเต ขึ้นมาว่า..
เอ๊ะ...บนดอยนี่อากาศก็ดี ชีวิตก็แสนจะสโลว์ไลฟ์
อย่ากระนั้นเลย เราระเห็จจากกทม. มาอยู่บนดอยเสียน่าจะดี

แต่ฉับพลันทันใด วิมานก็สลายเหมือนสายรุ้งโดนควันไฟ
เพราะนึกได้ว่าผมมีบ้านมีรถที่ยังติดผ่อนธนาคารอยู่
ถ้าจะขายตอนนี้ เห็นทีจะลำบาก เพราะบ้านใหม่ๆ มีเยอะแยะ

จะขายขาดทุนก็ไม่ได้ เพราะเพิ่งผ่อนได้สามปี เงินต้นก็ยังเหลือบานอยู่
ในเมื่อยัง “มี” บ้านกับรถ ก็ยังต้องอดทนทำงานในกทม.ต่อไป
เพราะไปอยู่บนดอย จะหวังมีรายได้มากอย่างที่รับเงินเดือนอยู่
ก็เห็นจะต้องไปขายยาบ้า ซึ่งก็ไม่ฉลาดที่จะทำอย่างนั้น

ตกลงไอ้ที่เคยอยากมีบ้าน ก็มีแล้ว แต่มีแล้วเคยคิดว่าจะสุข
กลับกลายเป็นอุปสรรคขวางความสุขยิ่งกว่าที่มาค้นพบทีหลังเสียนี่

คนส่วนมากเห็นภาระเป็นของดี เพราะชอบใจในการมี การถือครอง
แต่กระทั่งกายใจ (ที่เราคิดว่าเป็น) ของเราเอง
พระพุทธเจ้าท่านยังว่าเป็นภาระ เป็นของหนักเลย

แล้วนับประสาอะไรกับสิ่งนอกกาย ที่เรามักไปแสวงหา
ไปแย่งชิง ตบตี แก่งแย่งกัน ไปโกงเขามา มันจะไม่หนัก

ฉะนั้น ใครที่ไม่มี ไม่ได้ ไม่เป็นอะไร สักที
จงดีใจไว้เถอะครับว่าคุณมีบุญแล้ว

สุขสันต์วันที่มีความไม่มีอะไรครับ