Print

ธนาคารความสุข - ฉบับที่ ๑๑๓

ก้าวหนึ่งก็ถึงได้

aston2โดย aston27




bank-113


ผมเคยได้ยินชื่อของวัดถ้ำผาปล่องมานาน จากคำบอกเล่าของพระอาจารย์ปราโมทย์ 
และกัลยาณมิตรอีกหลายท่าน ว่าเป็นวัดที่ควรแก่การไปสักการบูชาและเจริญภาวนา

หลังจากวางแผนมาหลายครั้ง ผมก็พาตัวเองไปถึงอำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่จนได้ 
ถัดจากทางขึ้นถ้ำเชียงดาวไปอีก ๒ กม. ก็เป็นที่ตั้งของวัดถ้ำผาปล่อง 

เรื่องน่าเขกกะโหลกตัวเองอย่างหนึ่งคือ 
สมัยที่ยังอยู่เชียงใหม่ ผมบุญน้อย ไม่เคยรู้จักวัดนี้และหลวงปู่สิมเลย 
ขนาดเคยมาถึงถ้ำเชียงดาวแล้ว ก็ไม่ใส่ใจว่าจะต้องเลยไปอีกแค่อึดใจเดียว จะมีของดีรออยู่

มันเป็นกรรมอย่างหนึ่งของชาวพุทธมั้งครับ 
พวกเราอยู่ใกล้วัด ใกล้พระธรรม ใกล้พุทธศาสนามาตั้งแต่เกิด 
แต่น้อยคนจะเห็นและตระหนักถึงคุณค่าของมัน

ทางขึ้นของวัดก็เหมือนวัดที่อยู่บนภูเขาทั่วๆไปครับ คือมีบันไดสูงชันหลายร้อยขั้น 
ให้สาธุชนได้ทดสอบสมรรถภาพทางร่างกายและจิตใจตนเอง

ช่วงแรกของการเดินขึ้น มีจำนวน ๒๐๑  ขั้น กว่าจะถึงผมหืดแทบจับ 
เพราะมั่นใจในสังขารตัวเองไปหน่อย เลยจ้ำไวเหมือนจะไปตามควาย 
เดชะบุญมีศาลาให้พักหายใจหายคอ 
ผมว่าคนสร้างทางขึ้นคงคำนวณแล้วล่ะ ว่ามาขนาดนี้สมควรจะพักก่อนหน่อยนึง 

บนศาลามีป้ายบอกว่า “ท่านได้ผ่าน ๒๐๑ ขั้นที่ยากเย็นมาแล้ว 
จงเดินต่อไปอีก ๓๐๑ ขั้นที่สบายกว่า เพื่อขึ้นไปนมัสการ...ฯลฯ ” 
อ่านแล้วตาเหลือกว่าไอ้ที่เหลือนี่เยอะกว่าที่ผ่านมาอีกเหรอ ^^”

แต่ไหนๆ ก็มาจะครึ่งทางแล้ว แถมตั้งใจมานานว่าจะมาเจริญภาวนาที่นี่ 
เลยออกเดินต่อ ปรากฏว่าส่วนหลังมันเดินง่ายกว่าจริงๆ นะ 
เพราะมันมีทางลาดลงสลับขึ้นส่วนหนึ่ง 

แล้วผมเปลี่ยนการเดิน เป็นเดินเรื่อยๆในจังหวะที่ไม่ช้า ไม่เร็ว 
แต่เดินด้วยสติ ความรู้สึกตัว ทีละก้าวๆ ทีละก้าวๆ

ผมพบว่าถ้าจะเดินขึ้นยอดเขา อย่ามองไกลหรือสูงเกินไป 
ขอให้รู้แน่ว่าเดินขึ้นเขาถูกลูก เดินขึ้นบันไดถูกอัน 
ไม่ใช่อยากไปดอยสุเทพแต่ไปเดินขึ้นเขาพระวิหารงี้ อีกร้อยปีก็ไม่ถึง

ถ้ามั่นใจว่ารู้จุดหมาย เลือกทางเดินขึ้นถูกแล้ว 
ก็มองไปข้างหน้าแค่ระยะสายตาแล้วเดินทีละขั้นๆ แล้วมันจะไม่ท้อ 
จะไม่มัวมาทุกข์ร้อนว่าเหลืออีกตั้งไกลแน่ะ เมื่อไหร่จะถึงว้า

และอย่านับก้าวว่าก้าวผ่านมาแล้วกี่ก้าว 
ให้ถือว่าทุกก้าวคือก้าวที่หนึ่งเสมอ
เหมือนที่ครูบาอาจารย์สอนว่าให้นับหนึ่งทุกวัน  

ชีวิตเราก็เหมือนกันนะ…บางคนตั้งใจทำอะไรดีๆไว้ 
ผ่านไปได้ครึ่งทางมันเหนื่อยมาก...ก็เริ่มท้อ

มีคนมาบ่นเรื่องท้อกับผมบ่อยๆ ผมก็บอกได้แค่ว่าท้อได้แต่อย่าถอย
อันนี้เฉพาะถ้าตั้งใจในเรื่องดีนะ ไอ้ประเภทอยากแย่งสามีคนอื่นนี่ไม่นับ 
และไม่ควรลังเลที่จะเลิกเสีย เพราะเขาไม่เรียกตั้งใจดี เขาเรียกตั้งใจชั่ว 

คนเราเป็นมนุษย์ ไม่ใช่ลิงบนตลับยาหม่อง จะได้นั่งถือลูกท้ออยู่ชั่วนาตาปี 
จนควักยาหม่องมาใช้หมดไปหลายสิบปี 
ลิงนั่นก็ยังนั่งถือลูกท้อบนฝาตลับ ไม่ขยับไปไหนสักที 
ถ้าเหนื่อยก็พักพอหายเหนื่อยแล้วก็เดินต่อ เดินทีละก้าวๆ นี่แหละ  

จุดหมายที่ตั้งใจไว้ ถ้าไม่หยุดเดิน...ไม่ลื่นตกเขาลงมาคอหักตายก่อน 
ยังไงมันก็ถึง...ว่ามั้ยล่ะ 

เสียดายว่าพอขึ้นไปถึงยอดเขา ภาวนาดี ชิวๆ วิวสวยขนาดไหน 
ถ้ายังมีรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาน มีที่ตั้งแห่งความยึดมั่น 
มันก็ยังต้องเดินกลับลงมาเพราะวัดเขาก็มีเวลาปิดถ้ำ

การเดินทางในสังสารวัฏก็เหมือนกัน 
ชีวิตทุกชีวิตมีช่วงเวลาสิ้นสุดของมัน 
มันไม่สุดจริง ตราบใดที่ยังไม่ถึงพระนิพพาน

คุณคงอยากถามว่า แล้วตอนจบของการเดินทางไปวัดถ้ำผาปล่องของผมเป็นยังไง 
คำตอบของผมอยู่ในรูปที่ประกอบบทความนี้แล้วครับ

สุขสันต์วันที่ยังต้องเดินขึ้นๆ ลงๆ นะครับ