Print

ธนาคารความสุข - ฉบับที่ ๑๐๕

พระเครื่อง พระธาตุ พระแท้

aston2โดย aston27

 

 

 

105
(ขอบคุณภาพประกอบโดยฝีมือและความเมตตาของคุณ SevenDaffodils ครับ)

ในบรรดาสิ่งที่ชาวพุทธเรียกกันว่าวัตถุมงคล
พระเครื่องน่าจะเป็นของยอดนิยมอันดับหนึ่ง เพราะหาง่ายที่สุด

รองลงมาก็น่าจะเป็นพระพุทธรูป
แต่คงไม่มีใครเอาพระพุทธรูปมาห้อยคอนะ ^^

ช่วงนี้มีข่าวฮือฮากันในหมู่คนบางกลุ่มว่า มีวัดแห่งหนึ่ง
เปิดให้ประชาชนทั่วไปมาขอรับพระบรมสารีริกธาตุได้

สองสามวันก่อน มีบางคนมาปรึกษาผมว่า..
ถ้าเราเกิดนึกสงสัยว่า พระบรมสารีริกธาตุที่ว่า มันของจริงหรือปลอม
เราจะบาปไหม ^^”

ผมเคยสนทนากับพระอาจารย์อนิล ธัมมสากิโย (ศากยะ) ด้วยคำถามว่า
ถ้ามีคนสงสัยว่า พระพุทธเจ้ามีจริงรึเปล่า คนนั้นบาปไหม
ท่านแสดงทรรศนะไว้น่าฟัง ท่านบอกว่าต้องเข้าใจคำว่า "บาป" ก่อน

บาป แปลว่า สิ่งที่คนดีหลีกเลี่ยง คนดีไม่ทำ ทำแล้วใจเศร้าหมอง
ท่านบอกอีกว่า พุทธเป็นศาสนาของการ "รู้" ไม่ใช่การ "เชื่อ"

ธรรมดาคนเรา "เชื่อ" อะไรในวันนี้ พรุ่งนี้มีข้อมูลใหม่ก็อาจ "ไม่เชื่อ" ได้
การอยู่บนพื้นฐานของความเชื่อ จึงเป็นศรัทธาที่คลอนแคลน


แต่ถ้า "รู้" อะไรขึ้นมาแล้ว ก็เป็นอันว่าไม่ต้องเชื่ออีกต่อไป พ้นจากเชื่อละ

เหมือนมีคนพูดกันว่าผมหล่อสูสีกะเคน ธีรเดช (กล้าสมมติเนาะ) - -“
บางคนอาจจะเชื่อ บางคนไม่เชื่อ บางคนอ้วกเลย

ครั้นพอเห็นรูปที่ผมแอบโฟโต้ชอปไว้
บางคนยังเชื่ออยู่ บางคนไม่เชื่อแล้ว บ้างที่เคยไม่เชื่อ อาจกลับมาเชื่อ

บ้างที่ไม่เคยอ้วก ก็เริ่มควานหากระโถนกันให้ควั่ก

แต่พอเจอตัวจริง มันรู้ชัดละ
ว่าคุณแอสตันหน้าตาเยิน พอกะตุ๊กตาที่โดนห้อยอยู่ตรงท้ายใต้รถแท็กซี่
ก็เป็นอันได้ข้อสรุปเพราะรู้แล้ว ไม่ต้องเชื่อหรือไม่เชื่ออีกต่อไป ^^

ฉะนั้น การตั้งคำถามไม่ใช่บาป ถ้าตั้งคำถามแล้วลงมือพิสูจน์
อยากรู้ว่าพระพุทธเจ้ามีจริงไหม ก็ลองศึกษาคำสอนท่านแล้วทำดู

พระพุทธเจ้าก็ท้าทายคนทั่วไปอยู่แล้วว่า เอหิปัสสิโก

พึงบอกกับผู้อื่นว่า ท่านจงมาทดลองดูเถิด

ถ้าทำแล้วได้ผล ทุกข์มันหล่นหายให้เห็น มันสั้นลง เล็กลง
เห็นกิเลสบ่อยขึ้น แต่หลงไปในกิเลสนั้นน้อยลง มีสติ มีสมาธิขึ้น
ความรู้สึกว่ามีอัตตา ตัวตน มันก็บางลง เห็นแต่ของไม่เที่ยง ไม่ทน

ก็น่าจะรู้และตอบตัวเองได้ว่า ในเมื่อพระธรรมเป็นของจริง
พระพุทธเจ้าล่ะจริงด้วยไหม

มาถึงเรื่องพระเครื่อง พระธาตุก็เหมือนกัน ผมตอบไปว่า
พระเครื่องแท้ไม่แท้ ต้องไปถามเซียนพระนะ เราดูไม่เป็นหรอก

บอกได้แต่ว่า ถ้าจะห้อยคอเพื่อเตือนสติ เตือนใจให้มีศีล
เตือนตนว่าอย่าประมาทในกิเลสหรือกุศลแม้จะเล็กน้อย
จะเป็นพระแท้กรุไหน วัดอะไรก็ไม่สำคัญ

เพราะความเป็นพระแท้ คือความเป็นพุทธะของใจเรา
ถ้าเราตั้งใจรักษาศีล มีสติ ภาวนา ใจเราตื่น เราก็เป็นพระอยู่แล้วโดยตัวเอง

ส่วนพระธาตุ ผมก็ไม่รู้หรอกว่าแท้ไม่แท้ เพราะดูไม่เป็น แต่ผมก็รับมาบูชา
เพราะผมเห็นแล้ว ผมนึกถึงพระพุทธเจ้า มีปีติ ใจผมสงบ เป็นสุข

มันไม่ได้สำคัญว่า พระธาตุท่านเสด็จมาจริงไหม
มันสำคัญว่าเรารู้จักท่าทีที่มีประโยชน์ต่อพระธาตุนี้หรือเปล่า

ก็เหมือนพระพุทธรูปที่มีคนพูดว่า ไปไหว้ทองเหลืองไหว้ปูนทำไม
ก็ถูกของเขานะ แต่เราไม่ได้เห็นแค่ทองเหลืองหรือปูนไง

แต่จะเห็นอะไร คุณต้องไปถามใจคุณเองละ

สุขสันต์วันที่ยังมีโอกาส "ตื่นรู้" กันทุกคนครับ