Print

ธนาคารความสุข - ฉบับที่ ๑๐๔

ร ป ท ม

aston2โดย aston27

 

 

bank_104_01
(ขอบคุณภาพประกอบจากฝีมือคุณ SevenDaffodils ครับ)

นึกสงสัยไหมครับ ว่าชื่อบทความผมวันนี้ย่อมาจากอะไร?

มนุษย์มีนิสัยอยากรู้อยากเห็นโดยธรรมชาติครับ ไม่ใช่เรื่องผิดแปลกอะไร
ยิ่งถ้าเป็นเรื่องของดารา คนดังทั้งหลาย ยิ่งน่าสนใจ ว่าไหมครับ
แต่ถ้าเป็นเจ้าสีนวลในรูปมันท้อง คงไม่มีใครสนใจถาม ว่ามันท้องกะใคร

สามสี่วันมานี้ สื่อสารมวลชนทั้งหลาย พุ่งความสนใจไปที่เรื่องของดาราคู่หนึ่ง
ที่ผมไม่ต้องบอกก็คงรู้ว่าใคร เอาเป็นว่าถ้าทั้งคู่ไม่ใช่ดารา
และหนึ่งในนั้นไม่ใช่ซุปเปอร์สตาร์อันดับหนึ่งของค่ายบันเทิงแห่งหนึ่ง
เรื่องก็คงไม่โด่งดังเป็นหัวข้อสนทนาประจำสภากาแฟและแฮร์สปาหน้าปากซอยขนาดนี้

ทั้งข่าวหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ อินเตอร์เน็ต ตู้เย็น เตาแก๊ส ต่างก็เต็มไปด้วยข่าว
ตกลงท้องกับใคร จะตรวจ DNA ไหม ใครพูดเท็จใครพูดจริง

ในสังคมข่าวสารอย่างยุคนี้ ผู้คนดูจะให้ความสนใจกับเรื่องที่ว่า
อะไรจริงไม่จริง จนบางทีลืมนึกไปว่า...ต่อให้จริง รู้แล้วจะได้อะไร?

พูดอย่างนี้ ไม่ใช่ว่าเรื่องจริงทุกอย่างจะไม่มีคุณประโยชน์เลยนะครับ
พระพุทธเจ้าทรงสอนให้เราเรียน ค้นคว้า สังเกต ความจริงภายในตัวเรา ๓ อย่าง
มีชื่อเรียกเก๋ไก๋ว่า "ไตรลักษณ์" ประกอบด้วย
อนิจจัง ความไม่เที่ยง เดี๋ยวมี เดี๋ยวหาย
ทุกขัง ความไม่ทน เพราะทนอยู่ไม่ได้ มีสิ่งบีบคั้น
อนัตตา ความไม่ใช่ตัว ไม่ใช่ตนแท้ๆ

ท่านว่า รู้ ๓ อย่างนี้แล้ว จะเกิดปัญญาพาตนให้พ้นทุกข์ได้
ทุกข์มันของคู่กับโลก คู่กับเราทุกเงาหัว
ไม่ว่าจะชั่วจะดี มีชาติตระกูลอย่างไร ก็หนีไม่พ้นทุกข์นะครับ

เพราะพระพุทธเจ้า ท่านบอกอยู่แล้ว ว่าขันธ์ทั้ง ๕
คือกายกับใจเรานั่นแหละ ตัวทุกข์ จะหนีไปไหน
ถ้ายังมีกาย มีใจ ก็อย่าหมายว่าจะหนีพ้น

มีแต่สติและปัญญาเท่านั้น ที่จะช่วยเป็นเกราะป้องกัน
คุ้มครองจิตใจเราให้พ้นภัยแห่งทุกข์ไปได้เป็นครั้งคราว
หรือถ้ารู้ เห็น แจ้ง เข้าใจในไตรลักษณ์มากเท่าไหร่
ก็ยิ่งห่างไกลจากทุกข์ไปมากเท่านั้น

ไม่ว่าโลกนี้ใครจะท้อง จะทิ้ง จะทึ้ง จะทิ่มแทงกันอย่างไร
ก็ช่างเขาเถิดนะครับ เราย้อนมาดู มารู้สึกตัว
เรียนรู้จักตัวเรา ให้เห็นความจริง เห็นไตรลักษณ์ในตัวเองไว้

ถ้านึกอยากรู้เรื่องที่เขาขุดคุ้ยกันอีกเมื่อไหร่ ให้รู้ทันใจที่อยากรู้
แล้วนึกถึงชื่อบทความนี้ไว้นะครับ "ร ป ท ม" รู้ ไป ทำ ไม

สุขสันต์วันที่มีสติรู้ทันใจที่อยากนะครับ