Print

ธนาคารความสุข - ฉบับที่ ๘๔

astonช่องว่าง ความต่าง และความสุข

โดย aston27

?

bank84

หลายปีที่เรียนวิปัสสนามา ผมสังเกตว่า มีของหลายคู่ที่เคยดูเหมือนมันเป็นหนึ่งเดียว เพราะอยู่ใกล้กัน
แต่พอเรียนรู้จักตัวเองไปเรื่อยๆ จะพบว่ามันมีช่องว่างคั่นอยู่ระหว่างสองสิ่งนั้น

อย่างเช่น "ปัญหา" กับ "ความทุกข์" มันใกล้กันนะ แต่ถ้ามีสติจะรู้เลยว่ามันคนละส่วนกัน
คนเรามีปัญหาได้โดยไม่จำเป็นต้องมีทุกข์ แถมบางคนทุกข์ได้ ทั้งๆที่ไม่มีปัญหาอะไร

คล้ายๆที่สำนวนจีนแต้จิ๋วเขาเรียกพวก "เจี่ยะป้าบ่อสื่อ"
คือกินอิ่มแล้วว่างมากเลยหาเรื่องใส่ตัว คิดฟุ้งซ่านจนตัวเองทุกข์เสียก็มี

หรืออย่าง "ความรัก" กับ "การครอบครอง" คนทั่วไปจะรู้สึกว่ามันมาด้วยกัน
แต่ถ้ามีสติจะรู้ว่ามันคนละส่วนกันนะ เรารักใครสักคนได้ โดยไม่ต้องเป็นเจ้าของ
แถมถ้าคิดจะครอบครองเมื่อไหร่ จิตก็ตกจากความรักแล้ว

ความรักมันเป็นเรื่องเมตตา กรุณา มุฑิตา อุเบกขา
ไม่มีข้อที่ห้าว่าด้วย "ของข้า" นะครับ

ต่อมา "การมีอยู่" กับ "การแบกไว้" ก็เหมือนจะเป็นเรื่องเดียวกัน แต่ไม่ใช่
เคยเห็นคนมีเงินเท่ากัน แต่มีทุกข์ไม่เท่ากัน คนมีขันธ์ ๕ เท่ากัน ทุกข์ก็ต่างกันไหมครับ

ถ้าเข้าใจเรื่องความต่างของการมีขันธ์ กับการแบกขันธ์ ใจเราจะเบาขึ้นเยอะเลย
สำหรับผู้ภาวนา "การนั่งสมาธิ" กับ "การมีสัมมาสมาธิ" ก็ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน
ตัวแรกนั่นเป็นรูปแบบ เป็น "รูป" ตัวหลังนั่นเป็นสภาวะความตั้งมั่นของจิต

เราอาจนั่งสมาธิไปทั้งชาติ โดยอาจจะไม่เกิดสัมมาสมาธิเลย
ขณะเดียวกัน จิตสามารถตั้งมั่นได้ โดยไม่ต้องนั่งสมาธิเลยเช่นกัน

แม้แต่ "การมีสติ" กับ "วิปัสสนา" ก็อาจจะไม่ใช่สิ่งเดียวกัน
ถ้าสตินั้นยังไม่ประกอบด้วยปัญญา จากการเห็นความจริงของกายและจิต

หรือกระทั่ง "ความไม่มีอะไรเลย" กับ "นิพพาน" ก็ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน
อันนี้ฟังครูบาอาจารย์ท่านเล่ามานะ คุณแอสตั้นมันยังไม่เห็นหรอกนะ

ท่านบอกว่า นิพพานไม่ได้แปลว่าไม่มีอะไร มีนะ แต่มัน "มีความไม่มีอะไร"
ท่านเสริมอีกว่า อย่างความว่างที่หลายคนเจอแล้วคิดว่านั่นคือนิพพาน
แท้จริงแล้ว มันยังไม่ใช่ของจริง เป็นแค่ความว่างที่คู่กับความไม่ว่าง

ท่านบอกว่า ถ้าเมื่อไหร่นิพพานแล้ว จะไม่มีธรรมคู่ มันจะมีแต่ธรรมที่เป็นหนึ่ง

ภาวนาแล้วสนุกมากนะครับ ได้รู้อะไรที่ไม่เคยรู้ไม่เคยเห็น นึกก็นึกไม่ถึง
อย่างตอนก่อนภาวนา เห็นอะไรก็เป็นก้อนเดียวกันอย่างที่ว่า
พอภาวนาแล้วมันค่อยแยกออกให้เราเห็นว่ามันคนละส่วนกัน
แต่พอภาวนาจบแล้ว ทุกอย่างก็เป็นหนึ่งเดียว

เคยมีสำนวนเซ็นเขาบอกว่า ก่อนภาวนาเห็นภูเขาเป็นภูเขา
ภาวนาแล้ว เห็นภูเขาไม่ใช่ภูเขา
ภาวนาจบแล้ว ก็เห็นภูเขาเป็นภูเขานั่นแหละ

คือเห็นโลกก็เป็นของโลกไปอย่างนั้น ไม่เกี่ยวอะไรกับ "เรา"
เพราะไม่มีเราเข้าไปแบกอะไรอีก

ใจเราจะได้สัมผัสความสุขแท้ๆ ยิ่งกว่าสุขใดในโลก ก็ตอนนั้นแหละนะครับ

เขียนแล้วอยากเห็น รู้ว่าใจมันอยาก อิอิอิอิ
สุขสันต์วันที่ยังมีคนอยากอยู่นะครับ

?