Print

ธนาคารความสุข - ฉบับที่ ๒๐๒

eddy_cover

Transformers : Age Of Extinction เบื้องหลังของความตั้งใจดี

โดย aston27
aston2

boh202

 

นี่คือหนังที่เป็นตัวเต็งว่าจะทำเงินสูงสุดของปี ๒๕๕๗ ที่นักวิจารณ์ส่ายหัวว่า ไม่มีอะไรในเนื้อหนังนอกจากความสนุกแบบวินาศสันตะโรตามสไตล์นายไมเคิล เบย์

ถ้าพูดถึงชื่อของหมอชีวกโกมารภัจจ์ หมอเทวดาผู้เป็นหมอประจำตัวองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา ทุกคนคงรู้จักชื่อและเรื่องราวของท่านบ้าง ไม่มากก็น้อย

มีเรื่องเล่าว่า สมัยที่ท่านไปเรียนวิชาแพทย์ที่ตักศิลา ตอนเรียนใกล้จะจบ อาจารย์ก็ให้สอบไล่ด้วยข้อสอบที่เจ๋งมาก ว่า ให้ลูกศิษย์ไปเอาตัวอย่างพืชที่ไม่สามารถเอามาทำยาอะไรไม่ได้เลย ในรัศมีกี่กิโลรอบๆสำนักมาให้ดู

ท่านหมอชีวกฯ เดินออกจากสำนักไปตั้งแต่เช้า กลับมาตอนเย็นยกมือไหว้บอกอาจารย์ว่า ผมสำรวจต้นไม้ใบหญ้า พืชทุกชนิดในรัศมีพื้นที่ที่อาจารย์บอกแล้ว ผมหาพืชที่อาจารย์บอกไม่ได้เลยสักต้น เพราะทุกต้นมีสรรพคุณเอามาทำยาได้ทั้งนั้น

แทนที่อาจารย์จะดุ กลับชมเชยว่า ชีวกฯ เธอสอบผ่านแล้ว อาจารย์ไม่มีอะไรจะสอนเธอแล้ว

ผมก็เข้าไปดูTransformers ภาคนี้ ด้วยความไม่คาดหวังว่าจะมีส่วนไหนเอามาทำยาอะไรได้เช่นกัน แต่ในท่ามกลางความไม่มีอะไรของบทหนัง ผมก็แอบเจอบางอย่างที่น่าสนใจที่สะกิดใจผมอยู่เรื่องหนึ่ง

คือในภาคนี้ พูดถึงการที่มนุษย์พยายามจะสร้างหุ่นทรานส์ฟอร์เมอร์สขึ้นมาเป็นอาวุธปกป้องชาวโลก ด้วยการออกล่าออโต้บอทส์ที่เหลือ มาหลอมให้กลายเป็นแร่ “Transformium” ทรานส์ฟอร์เมียมซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงรูปร่างเป็นของต่างๆได้ตามคำสั่ง เพื่อไปหล่อหุ่นรบใหม่ที่สามารถควบคุมได้โดยมนุษย์

เจตนาคือหวังจะปกป้องโลกด้วยผีมือมนุษย์เอง โดยไม่ต้องรอง้อให้ออโต้บอทส์หรือใครมาช่วย

ที่ซีไอเอและนักวิทยาศาสตร์ไม่รู้คือ แท้จริงแล้ว เบื้องหลังความพยายามจะสร้างหุ่นรบของอเมริกานั้น อยู่ภายใต้การชักใยของจอมวายร้ายอย่างเมกะทรอน ที่ได้ชื่อใหม่ว่ากัลวาทรอน โดยไม่รู้ตัวอีกที

จากความตั้งใจดีของนักประดิษฐ์คนหนึ่ง บวกกับความโลภและชั่วร้ายของซีไอเออีกคนหนึ่ง นำไปสู่การที่มนุษยชาติต้องเกือบจะสูญพันธุ์เพราะกัลวาทรอนเอาชนะการควบคุมของมนุษย์ และยังเข้าควบคุมหุ่นที่เหลือที่เพิ่งผลิตมาอีกห้าสิบตัว

ผมพูดมาเสมอว่า ความตั้งใจดีเจตนาที่ดี จะสมบูรณ์ได้ด้วยวิธีการที่ดีที่ถูกต้อง การที่พูดว่าเรามีความตั้งใจที่ดีเจตนาบริสุทธิ์ นั้นยังไม่พอ เพราะมันไม่ได้แปลว่า เราจะสามารถใช้วิธีอะไรก็ได้เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์

เหมือนสมมติผมอยากบูรณะวัดเก่า เจดีย์เก่า ที่มีความสำคัญต่อประวัติศาสตร์ศาสนาพุทธและประเทศชาติอย่างยิ่ง แต่รัฐบาลไม่ให้งบมา บอกบุญก็ไม่มีใครทำ แล้วผมยกพวกไปปล้นธนาคารห้างร้านสรรพสินค้า จับตัวประกันบังคับให้รัฐบาลอนุมัติเงินมาบูรณะ มันก็ฟังดูแปลกๆ ว่าไหมครับ

ที่สำคัญ เราจะรู้หรือไม่รู้ก็ตาม คนดีๆที่มีความตั้งใจดี สามารถถูกอำนาจกิเลสครอบงำได้มานักต่อนักแล้ว

แม้กระทั่งคนหลายคนอยากเข้าวัด อยากทำบุญ อยากไปนิพพาน แต่ก็มีอติมานะความยึดมั่นสำคัญตนผิดๆ อยากเป็นคนสำคัญคนสนิทของครูบาอาจารย์บ้าง อยากเป็น Somebody ในวัด เป็นคนสำคัญเป็นผู้มีอิทธิพลในวัด

ยิ่งเป็นวัดใหญ่ วัดดัง ยิ่งมีคนลักษณะนี้ให้เห็นเยอะนะครับ เพราะกิเลสไม่เคยเข้าใครออกใคร ไม่เคยละเว้นว่าใครจะอยู่ในวัดหรือนอกวัด ไม่เคยยกเว้นว่า คนนี้เป็นศิษย์ใคร วัดไหน

เจตนาความตั้งใจเริ่มต้นจะเป็นอะไรนั้น เรื่องหนึ่ง แต่วิธีการลงมือกระทำกรรมนั้นจะดีจริงหรือไม่ ก็เป็นอีกเรื่อง สุดท้ายต้องตอบตัวเองได้ว่า เราทำเพื่อสนองทิฐิมานะของตัวเอง หรือทำเพื่อสละออกซึ่งความยึดมั่นถือมั่นสำคัญผิดว่ามีอัตตา

สุขสันต์วันที่หนังห่วยในสายตาหลายคน ก็ยังมีประโยชน์ได้ ถ้ารู้จักมองนะครับ