Print

ธนาคารความสุข - ฉบับที่ ๘๑

มองโลกในแง่ร้าย หรือมองตามความเป็นจริง (ตอนที่ ๑)

โดย aston27

?


ผมเคยได้ยินใครบางคนบอกว่า .. พวกปฏิบัติธรรมมักจะมองโลกในแง่ร้าย
เอะอะอะไร ก็พูดแต่เรื่องทุกข์ๆ พระพุทธเจ้าสอนให้ศึกษาแต่ทุกข์

ขนาดจะให้ปฏิบัติ ก็ยังบอกให้ "รู้ทุกข์" จะรู้ไปทำไมน้อ
ในเมื่อชีวิตมันมีทั้งสุขและทุกข์ เรารู้แต่สุขไม่ดีเหรอ

ถ้าบังเอิญ คุณผู้อ่านก็เป็นคนนึงที่เคยสงสัยแบบนั้น ก็อย่าแปลกใจ
คุณไม่ได้ผิดปกติแต่อย่างใด เพราะผมก็เคย ๕๕๕๕๕

ไอ้เรื่องแบบนี้ มันมีคำแนะนำอยู่สองทาง
หนึ่งคือรู้ทันความสงสัยไปก่อน
สอง.. อันนี้จำเป็นต้องใคร่ครวญให้เกิดประโยชน์ ก็คิดพินิจเอาได้

อันที่จริง.. การมองโลกในแง่ร้าย กับมองตามความจริง มันต่างกันนะ

ใครที่คิดว่าพระพุทธเจ้าท่านสอนให้วุ่นวายอยู่แต่กับความทุกข์
อันนั้นแปลว่ายังไม่ได้ศึกษาให้เข้าใจอย่างถ่องแท้

เพราะคำว่า "ทุกข์" ในอริยสัจ ๔ ที่เราเรียนกันมาตั้งแต่เด็ก
ไม่ได้หมายถึง "สภาวะที่ไม่มีความสุข" หรือ "ทุกขเวทนา" อย่างที่เราเข้าใจ

ครูบาอาจารย์ผม ท่านเคยแจกแจงให้ฟังว่าในพระไตรปิฎกนั้น..
"ทุกข์" ในอริยสัจ ๔ หมายถึง กายและใจ นี่แหละ

อ้างอิงวิชาการหน่อยนึง เผื่อคุณไปได้ยินที่ไหนจะได้เข้าใจ
กายและใจ จำแนกออกมาเป็น กาย หรือ "รูป" ๑ ส่วน ใจ อีก ๔ ส่วน ดังนี้

๑. ความรู้สึก แขกเรียกว่า เวทนา
๒. ความจำ แขกเรียกว่า สัญญา
๓. ความคิดปรุงแต่ง แขกเรียกว่า สังขาร
๔. ตัวที่ทำหน้าที่รับรู้ต่างๆ แขกเรียกว่า วิญญาณ

เมื่อรวม ๔ ข้อ นี้กับ รูปกาย ก็จะได้ขันธ์ ๕ องค์ประกอบ ๕ อย่างของความมีชีวิต มีตัวตน

ถามว่า.. แล้วเราจะต้องใส่ใจทำไมยะ คุณแอสตั้น?
ตอบว่า.. ไม่ต้องใส่ใจว่ามันแยกยังไง เรียกว่าอะไรบ้างก็ได้ครับ ผมให้ข้อมูลเผื่อๆไว้

แต่คงจะไม่เถียง ถ้าผมจะบอกว่า "ทุกข์" แบบที่เราเข้าใจกันปกติ
มันก็ไม่มีตัวไหนที่เกินออกไปจาก กาย และ ใจ ที่แจกแจงมาเลย

พูดภาษาเด็ก ป.๔ (จะได้ไม่แพ้เด็กช่อง ๓)
เวลาคนเรามีทุกข์หรือสุขใจ มันก็เกิดกับ ?กายและใจ? ของเรานี่แหละ ถูกไหม

หรือใครมีทุกข์ แล้วทุกข์มันเกิดบริเวณเสาไฟฟ้าหน้าบ้าน วานบอกด้วย ^^

ฉะนั้น.. ถ้าจะศึกษา จะเข้าใจเรื่องทุกข์ จะไปดูอะไรที่ไหนล่ะ นอกจากกายใจของตัวเอง

ถึงตรงนี้.. อาจจะมีคำถามว่า.. คุณแอสตั้น อิฉันว่า อิฉันรู้จักกายใจของอิฉันดีนะ
อยู่กับมันมายี่สิบ สามสิบ สี่สิบปีแล้วเนี่ย เห็นมันมาทุกวัน ยังไม่พออีกเหรอ?

ตอบ... อย่าเอาระยะเวลามาตัดสินว่า "เข้าใจ"
เพราะส่วนมาก คนในโลกนี้ "รู้จัก" กาย ใจ ตัวเอง แต่ไม่ค่อย "เข้าใจ" หรอกครับ

ถามต่อแทนให้อะ.. ไม่เข้าใจว่าอะไร คุณแอสตั้น?
ตอบว่า.. ผมใช้คำว่า ไม่เข้าใจความจริงหรือ สำคัญผิด ในเรื่องกายใจ

สำคัญผิดว่าอะไร.. สำคัญผิดว่าสิ่งเหล่านี้ เที่ยงทนคงที่
สิ่งเหล่านี้แน่นอนไม่เปลี่ยนแปลง สิ่งเหล่านี้อยู่ในอาณัติการบังคับบัญชาของเรา

ไอ้ตัวสุดท้ายนี่สำมะคัญ อย่างยิ่งครับ ไอ้ "เรา" เนี่ย

แต่อันนั้นเอาไว้ก่อน.. ผมแค่จะแจกแจงให้เห็นว่า ทำไมพระท่านถึงให้เรา "รู้ทุกข์"
เพราะต้นตอของปัญหา ความมีทุกขเวทนา กลุ้มใจ เสียใจ ปวดใจ เครียด เศร้าหมองทั้งหลาย

มันเริ่มมาจาก "ตัวเรา ตัวกู ตัวฉัน" นี่แหละ

จริงหรือไม่จริง.. ไว้ตอนหน้า มาว่ากันต่อนะครับ

ขอไปทำงานก่อนครับ

สุขสันต์วันทำงานนะ .. เย้.. เรายังมีงานทำ