Print

เพื่อนธรรมจารี - ฉบับ ๔๕๑

ngodngam1 

 งดงาม

  This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

 

 

 

 

ผลกรรมของคนเจ้าชู้

 

 

dhammajaree451

 

 


ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ที่ผ่านมา
ได้มีข่าวเรื่องสามีท่านหนึ่งได้ขอภรรยาว่าต้องการมีโลกสองใบ
กล่าวคือขอมีภรรยาน้อยนั่นเอง ซึ่งภรรยาไม่ยอม และทำให้ต้องหย่ากัน
โดยข่าวเรื่องสามีภรรยาเลิกกันเพราะความเจ้าชู้นี้ก็มีให้พบเห็นอยู่เรื่อย ๆ
ในเรื่องของการประพฤติผิดในศีลกาเมสุมิจฉาจาร
หรือประพฤติผิดในคู่สมรส หรือบุตรของผู้อื่นนี้
เป็นเรื่องที่ควรระมัดระวังเพราะย่อมส่งผลกรรมหนักมากครับ

ในอรรถกถาของ “โลหกุมภิชาดก” (พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก)
ได้เล่าว่า ในสมัยหนึ่ง พระเจ้าโกศลได้ทรงสดับเสียงของสัตว์นรก ๔ ตนในตอนกลางคืน
กล่าวคือ สัตว์นรกตนหนึ่งกล่าวเฉพาะ “ทุ” อักษรเท่านั้น
ตนหนึ่งกล่าว “ส” อักษรเท่านั้น
ตนหนึ่งกล่าว “น” อักษรเท่านั้น
ตนหนึ่งกล่าว “โส” อักษรเท่านั้น
โดยในอดีตภพนั้น สัตว์นรกเหล่านี้ได้เป็นราชโอรสทำปรทาริกกรรมในพระนครสาวัตถี
พระราชโอรสเหล่านั้นผิดมาตุคามทั้งหลายที่คนอื่นรักษาคุ้มครอง
เล่นเพลิดเพลินใจทำบาปกรรม ถูกกงจักรคือความตายตัดแล้ว
บังเกิดในโลหกุมภี ๔ ขุม ณ ที่ใกล้พระนครสาวัตถี
ไหม้อยู่ในโลหกุมภีนั้น ๖ หมื่นปี ผุดขึ้นมาเห็นขอบปากโลหกุมภี
ทั้ง ๔ ตนพากันร้องตามลำดับกันด้วยเสียงอันดังว่า เมื่อไรหนอ พวกเราจักพ้นทุกข์นี้.

(หมายเหตุ คำว่า “ปรทาริกกรรม” แปลว่า การประพฤติล่วงเมียคนอื่น, การเป็นชู้เมียเขา
คำว่า “มาตุคาม” แปลว่า ผู้หญิง หรือเพศหญิง)

พระเจ้าโกศลได้ทรงสดับเสียงของสัตว์นรกเหล่านั้น
ทรงสะดุ้งกลัวต่อมรณภัย ประทับนั่งอยู่นั่นแหละจนอรุณขึ้น
หลังจากนั้น พระเจ้าโกศลได้เสด็จไปเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าเพื่อสอบถามเรื่องดังกล่าว

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า “มหาบพิตร เหตุอะไร ๆ ไม่มีแก่พระองค์
สัตว์นรกทั้งหลายเสวยทุกข์อยู่จึงร้องอย่างนี้
เสียงเหล่านี้ พระองค์ได้ฟังอย่างนี้ เฉพาะในบัดนี้เท่านั้นก็หามิได้
พระราชาครั้งเก่าก่อนทั้งหลายก็ได้ทรงสดับมาแล้วเหมือนกัน”
หลังจากนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเล่าว่า
ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพาราณสีครองราชสมบัติอยู่ในพระนครพาราณสี
พระโพธิสัตว์บวชเป็นฤาษี ทำฌานและอภิญญาให้เกิดขึ้น
ทรงฌานอยู่ในไพรสณฑ์อันน่ารื่นรมย์ ณ ประเทศหิมพานต์
ในกาลนั้น พระเจ้าพาราณสีได้สดับเสียง ๔ ประการนี้ของสัตว์นรก ๔ ตน
ทรงหวาดกลัวสะดุ้งพระทัย เมื่อพราหมณ์ทั้งหลายกราบทูลว่า
อันตราย ๓ อย่าง อย่างใดอย่างหนึ่งจักบังเกิดมี
พึงทำอันตรายนั้นให้สงบลงด้วยการบูชายัญ
เหล่าพราหมณ์จึงให้ขุดหลุมสำหรับบูชายัญ และนำมหาชนไปที่หลุมบูชายัญ

ในกาลนั้น พระโพธิสัตว์ตรวจดูชาวโลกด้วยทิพยจักษุ ได้เห็นเหตุนี้แล้วคิดว่า
วันนี้ เราควรจะไป เพื่อความสวัสดีปลอดภัยจักมีแก่มหาชน
จึงเหาะไปเข้าเฝ้าพระเจ้าพาราณสี
พระเจ้าพาราณสีได้สอบถามพระโพธิสัตว์ถึงเรื่องสดับเสียงสัตว์นรกดังกล่าว
พระโพธิสัตว์กราบทูลว่า “มหาบพิตร ในภพก่อนสัตว์นรกเหล่านี้
ถึงความประพฤติในทาระทั้งหลายที่คนอื่นรักษาคุ้มครอง
จึงบังเกิดในโลหกุมภีทั้ง ๔ ขุม ณ ที่ใกล้พระนครพาราณสี
ถูกเคี่ยวจนกายเป็นฟองในน้ำด่างโลหะอันเดือดพล่าน
ตกไปเบื้องล่างจรดถึงภาคพื้นสิ้นเวลา ๓ หมื่นปี
ผุดขึ้นเบื้องบนได้เห็นปากหม้อโลหกุมภีโดยกาล ๓ หมื่นปีเช่นกัน
ได้แลไปภายนอก ทั้ง ๔ คน แม้ประสงค์จะกล่าวคาถา ๔ คาถาให้ครบบริบูรณ์
ก็ไม่อาจกระทำได้อย่างนั้น กล่าวได้แต่คนละอักขระเดียวเท่านั้น
กลับจมลงในโลหกุมภีตามเดิมอีก”

(หมายเหตุ คำว่า “ทาระ” แปลว่า ภรรยา หรือเมีย)

ในสัตว์นรกทั้ง ๔ ตนนั้น สัตว์ที่กล่าว “ทุ” อักษรแล้วจมลงไป ประสงค์จะกล่าวอย่างนี้ว่า
“เมื่อโภคะทั้งหลายมีอยู่ เราทั้งหลายไม่ได้ให้ทาน
ไม่ได้ทำที่พึ่งให้แก่ตน เราจึงมีชีวิตเป็นอยู่ได้แสนยาก”
แต่ไม่อาจกล่าวได้ แล้วพระโพธิสัตว์ได้กล่าวคาถานั้นให้ครบบริบูรณ์ด้วยฌานของตน

สัตว์ที่กล่าว “ส” อักษรแล้วจมลงไป ประสงค์จะกล่าวอย่างนี้ว่า
“เมื่อเราทั้งหลายหมกไหม้อยู่ในนรก ตลอดหกหมื่นปีบริบูรณ์
โดยประการทั้งปวง เมื่อไรที่สุดจักปรากฎ”

สัตว์ที่กล่าว “น” อักษรแล้วจมลงไป ประสงค์จะกล่าวอย่างนี้ว่า
“ชาวเราเอ๋ย ที่สุดไม่มี ที่สุดจักมีแต่ที่ไหน ที่สุดจักไม่ปรากฏก่อน
ท่านผู้นิรทุกข์ เพราะในกาลนั้น ทั้งเราและท่านได้กระทำบาปกรรมไว้มาก”

สัตว์ที่กล่าว “โส” อักษรแล้วจมลงไป ประสงค์จะกล่าวอย่างนี้ว่า
“เรานั้นไปจากที่นี้ ได้กำเนิดมนุษย์รู้ภาษาแล้ว
จักเป็นคนสมบูรณ์ด้วยศีล จักทำกุศลให้มากทีเดียว”

พระโพธิสัตว์ ครั้นกล่าวคาถาด้วยประการดังนี้แล้ว
จึงตรัสต่อไปว่า “มหาบพิตร สัตว์นรกนั้นประสงค์จะกล่าวคาถานี้ให้ครบบริบูรณ์
แต่ไม่อาจทำอย่างนั้นได้ เพราะความที่บาปของตนใหญ่หลวงนัก
ดังนั้น สัตว์นรกนั้นเมื่อได้เสวยวิบากแห่งกรรมของตน จึงได้ร้อง
ชื่อว่าอันตราย เพราะเหตุปัจจัยที่ฟังเสียงนี้ ย่อมไม่มี พระองค์อย่ากลัวเลย”
พระเจ้าพาราณสีจึงรับสั่งให้ปล่อยมหาชนแล้ว
ให้เที่ยวตีกลองสุวรรณเภรี ป่าวประกาศให้ทำลายหลุมบูชายัญ
พระโพธิสัตว์กระทำความสวัสดีปลอดภัยให้แก่มหาชนแล้ว จึงได้ไปที่หิมวันตประเทศ
https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=27&i=554

ดังนั้นจึงจะเห็นได้ว่าผลกรรมของการประพฤติผิดในศีลกาเมสุมิจฉาจารนี้
มีโทษหนักมากนะครับ โดยต้องไปบังเกิดในโลหกุมภีทั้ง ๔ ขุม
ถูกเคี่ยวจนกายเป็นฟองในน้ำด่างโลหะอันเดือดพล่าน
ตกไปเบื้องล่างจรดถึงภาคพื้นสิ้นเวลา ๓ หมื่นปี
ผุดขึ้นเบื้องบนได้เห็นปากหม้อโลหกุมภีโดยกาล ๓ หมื่นปี
หรือที่เรามักจะเรียกกันโดยย่อว่ากระทะทองแดงนั่นเอง
ซึ่งถ้าอ่านเนื้อความตามอรรถกถาแล้ว
จะเห็นได้ว่าไม่ใช่กระทะเล็ก ๆ แต่น่าจะเป็นหม้อโลหกุมภีที่ใหญ่มาก
และก็ต้องอยู่ในหม้อโลหกุมภีดังกล่าวยาวนานมาก